14 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. หรือ ร่าง พ.ร.บ.กยศ. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ต่อจากเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมซึ่งในครั้งนั้นพิจารณาถึงมาตรา 17 แก้ไขมาตรา 44 พ.ร.บ.กองทุน กยศ. เกี่ยวกับผู้กู้ยืมเงินจะต้องมีหน้าที่ชำระเงินกู้ยืมที่ได้รับไปพร้อมทั้งดอกเบี้ยตามสัญญากู้ยืมเงินคืนให้กองทุน
ทั้งนี้ สำหรับร่างพ.ร.บ.ฉบับที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอให้เก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 แต่ในชั้นของคณะกมธ.เสียงข้างมาก ได้ปรับลดให้เก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 กระทั่งต่อมาที่ประชุมสภาฯ ลงมติไม่เห็นด้วยกับ คณะกมธ.เสียงข้างมาก
สำหรับการพิจารณาในวันนี้ (14 ก.ย.) เป็นการลงมติว่า จะเห็นด้วยกับเสียงข้างน้อยกลุ่มใด เนื่องจากมีการสงวนความเห็นไว้ถึง 6 กลุ่ม ต่อมา กลุ่มของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ และกลุ่มนายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ ขอถอน จึงทำให้เหลือ 4 กลุ่มที่ต้องลงมติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ สงวนความเห็นว่า ให้ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้รับไปตามสัญญากู้ยืมเงินคืนให้กองทุนโดยไม่มีดอกเบี้ยซึ่งจะชำระเงินคืนกงอทุนทั้งจำนวนหรือผ่อนชำระก็ได้ ทั้งนี้ ตามจำนวน ระยะเวลา และวิธีการที่กองทุนกำหนด
กลุ่มที่ 2 นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ สงวนความเห็นให้ผู้กู้ยืมเงินจ่ายดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1
กลุ่มที่ 3 นายจุมพล นิติธรางกูร กฤษฎีกา และนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุน กยศ. สงวนให้คงตามร่างเดิม คือ ให้เก็บดอกเบี้ยร้อยละ 2 และเก็บเบี้ยปรับล่าช้า ร้อยละ1
กลุ่มที่ 4 นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมคณะ สงวนความเห็นให้เก็บดอกเบี้ย ร้อยละ 1 และเก็บเบี้ยปรับล่าช้า ร้อยละ1
หลังจากที่ประชุมใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกับรูปแบบการลงมติว่า จะลงมติทีละฉบับ หรือลงมติแยกเป็นกลุ่ม ระหว่างกลุ่มเก็บดอกเบี้ยกับกลุ่มไม่เก็บดอกเบี้ย กระทั่งที่ประชุมลงมติให้ชอบกับกลุ่มของ นายอุบลศักดิ์ มากที่สุด ด้วยคะแนน 218 ต่อ 109 งดออกเสียง 53 ไม่ออกเสียง 1 เสียง เท่ากับว่า ผู้กู้ยืมเงินกองทุนไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้อีกต่อไป
สำหรับการพิจารณามาตราที่เหลือของ ร่าง พ.ร.บ.กยศ. นั้นที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่กมธ.เสนอ ทุกมาตรา ซึ่งรวมถึง มาตรา 24 ซึ่งกรรมาธิการแก้ไขเพื่อกำหนดเป็นบทเฉพาะกาล ให้มีผลย้อนหลังกับผู้กู้ยืมและคนค้ำประกันที่ได้ทำสัญญากู้ยืมก่อนหน้าที่ร่างกฎหมายจะบังคับใช้ โดยมีเนื้อความที่เป็นสาระสำคัญว่า
"เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระของผู้กู้ยืมเงินหรือผู้ค้ำประกันให้สามารถชำระเงินคืนกองทุนได้ ให้นำมาตรา 44 มาบังคับใช้กับผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันซึ่งทำสัญญาก่อนที่ร่างกฎหมายที่แก้ไขจะใช้บังคับใช้ โดย ให้งดเว้นการเก็บดอกเบี้ย และคิดค่าปรับผิดนัดชำระ"
ทั้งนี้ มาตรา 24 นั้นมีกรรมาธิการเสียงข้างน้อยเสนอคำแปรญัตติไว้ แต่ขอถอนออกไปทั้งหมด และได้อภิปรายสนับสนุน เนื่องจากมองว่า ผู้กู้ยืมเงินที่มีกว่า 3.4 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกดำเนินคดี นับล้านรายและถูกฟ้องดำเนินคดีอีกจำนวนมาก ควรได้รับสิทธิประโยชน์ตามการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาวาระสองแล้วเสร็จได้ลงมติในวาระสาม โดยผลการลงมติปรากฎว่าเสียงข้างมาก 314 เสียงเห็นชอบ ต่อ 3 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง