"เลขากกต."เตือน หาเสียงช่วง 180 วันอันตราย มอบเงินช่วยน้ำท่วมผิดกม.

วันที่ 23 ก.ย.2565 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการที่กกต.ออกประกาศระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่3) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 22 ก.ย.เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.พรรคการเมือง ในช่วง180 วันส่วนวันเลือกตั้งว่า กฎหมายเลือกตั้งเดิมจะกำหนดเรื่องของระยะเวลาในการหาเสียงไว้เพียง 30-40 วัน แต่ตามกฎหมายใหม่ทำให้การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองมีความซับซ้อนขึ้น

โดยมีทั้งช่วงก่อนระยะเวลา 180 วันก่อนวันเลือกตั้ง ช่วง 180 วันจนถึงวันก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองสุ่มเสี่ยงผิดต่อวิธีการหาเสียง เช่นประชุมใหญ่พรรค การเปิดตัวผู้สมัคร การทำไพรมารี่โหวต หรือการจัดโครงการที่พรรคทำกับประชาชนโดยได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

ถ้าไม่ใช่เวลาหาเสียงเลือกตั้งพรรคการเมืองให้เงินกับประชาชนสามารถทำได้ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วการให้เงินจะเป็นความผิด ซึ่งประเด็นเหล่านี้เราจะต้องชี้แจงให้พรรคฟัง

เลขากกต. กล่าวว่า ส่วนการลงพื้นที่จัดกิจกรรมของพรรคการเมืองถ้าเป็นการหาเสียงก็ต้องคิดรวมเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง แต่ถ้าเป็นการหาเสียงโดยที่พรรคการเมืองไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการก็คิดเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง  ก็เป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคตามปกติ ซึ่งผู้สมัครถ้าไปทำอะไรที่ไม่ใช่เป็นการหาเสียงก็ไม่ต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย 

"แต่ถ้าอะไรที่ผิดกฎหมายเลย เช่นการช่วยเหลือน้ำท่วมก่อนช่วงระยะเวลา 180 วันให้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท ถ้าเกินต้องนำมารวมเป็นค่าใช้จ่าย พอมาในช่วงระยะเวลา 180 วันจะให้ไม่ได้เลย ถ้าให้ถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนผู้สมัครที่มีการขึ้นป้ายหาเสียงไว้ก่อนเข้าช่วงระยะเวลา 180 วัน ก็ต้องปลดป้ายดังกล่าวลงมาและแก้ไขให้ป้ายมีขนาด เนื้อหาและติดตั้งตามสถานที่ที่ประกาศกกต.เรื่องป้ายกำหนด

การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ก็เช่นกัน เพราะนับแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) จะถือว่าเข้าโหมดการเลือกการเลือกตั้ง 100% ขณะที่พรรคการเมืองจะจัดระดมทุน เปิดตัวผู้สมัคร สามารถทำได้ตามปกติ ตราบใดที่ไม่ได้ให้ทรัพย์สิน ซึ่งคิดว่าพรรคการเมืองน่าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ดี  "
 

เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศเขตเลือกตั้ง ผู้ที่จะลงสมัครอาจสับสนเรื่องวิธีการหาเสียง นายแสวง กล่าวว่า ตามระเบียบให้อ้างอิงเขตเลือกตั้งเดิม ประกาศของผอ.กกต.จังหวัด และประกาศกกต.เกี่ยวกับบัญชีรายชื่อ ซึ่งจะมีการระบุว่าติดป้ายหาเสียงตรงไหนได้ จำนวนเท่าใด

ส่วนถ้าเป็นป้ายของหน่วยงานราชการที่ขึ้นให้การต้อนรับรัฐมนตรี และระบุผลงานของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลรวมอยู่ด้วย ก็ต้องพิจารณาว่าถ้ามันเป็นงานในหน้าที่ของรัฐมนตรีหรือส่วนราชการก็จะไม่ผิด แต่ถ้าเกินกว่านี้ต้องดูข้อเท็จจริง ซึ่งส่วนราชการก็ต้องพึงระวังว่าทำได้แค่ไหนอย่างไร แล้วอยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่

แต่ถ้าเป็นป้ายขอบคุณเช่นในอดีตเคยมีการขึ้นป้ายข้อความพี่น้องชาวโคราชขอขอบคุณนักการเมืองคนหนึ่ง โดยมีการระบุชื่อ กกต.เห็นว่าข้อความในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการหาเสียง และไม่พบว่าใครเป็นเจ้าของก็ให้ผอ.กกต.จังหวัดปลดลง

"เมื่อก่อนระยะเวลาในการหาเสียงจะกำหนดในช่วง 30-60 วัน ซึ่งพรรคการเมืองจะหยุดในเรื่องของงานกิจกรรมต่างๆของพรรค แล้วมาทำในเรื่องของการหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น แต่คราวนี้ระยะเวลามันยาวเป็น 180 วัน ซึ่งพรรคก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำทั้งการจัดประชุมใหญ่สมาชิก จัดระดมทุน จัดเปิดตัวผู้สมัคร ก็ต้องระมัดระวังการกระทำที่จะไม่เป็นไปตามวิธีการหาเสียง

ขณะเดียวกันก็ต้องคำนวณให้ดีว่าจะต้องคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการหาเสียงจะถูกกำหนดไว้ที่เท่าใด อีกทั้งเมื่อมีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งก็จะเข้มข้นขึ้น

อยากให้ผู้ที่จะสมัครและพรรคการเมืองพิจารณาให้ดี อะไรที่ไม่ควรทำก็อย่าทำ แต่ตรงนี้ก็ต้องแยกกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการของหน่วยงานรัฐ และรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ดูแลประชาชน  "

นายแสวง ยังกล่าวอีกว่า หากมีการยุบสภาเกิดขึ้นสิ่งที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองทำในช่วงระยะเวลา 180 วัน จะไม่ถูกนำไปคิดไปเป็นค่าใช้จ่าย เพราะเงื่อนเวลาการนับวันเริ่มต้นจนถึงวันก่อนวันเลือกตั้งมันต่างกัน