นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เริ่มมีการระบาดในประเทศไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และมีการระบาดอยู่จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือนของประชาชน โดยเฉพาะด้านการแก้ปัญหาปากท้อง
ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการการคลังเพื่อเยียวยา และฟื้นฟูผลกระทบจาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า ดังนี้
1.มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทั่วไป ได้แก่ โครงการเราไม่ทิ้งกัน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้กับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดประกอบกิจการของสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด– 19 หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ
โดยชดเชยรายได้ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เดือนเมษายน – มิถุนายน 2563) รวมเป็นเงินจำนวน 15,000 บาทต่อคน มีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 15.27 ล้านคน คิดเป็นวงเงินประมาณ 228,919 ล้านบาท
2.โครงการช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการใดๆ ของภาครัฐในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ซึ่งทำให้กลุ่มคนดังกล่าว มีรายได้ลดลงและไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาทดแทนได้
โดยจ่ายเงินเยียวยา จำนวน 1,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2563) รวมเป็นเงิน จำนวน 3,000 บาทต่อคน มีผู้ได้รับสิทธิตามโครงการ จำนวน 1.03 ล้านคน คิดเป็นวงเงินประมาณ 3,080 ล้านบาท
3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) ให้แก่ผู้มีบัตรฯ จำนวน 14 ล้านคน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
โดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมาแล้วรวม 4 ระยะ เพื่อให้การช่วยเหลือ เยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
4.โครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 สำหรับการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ไม่รวมถึงสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ
โดยจะต้องชำระเงินผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ดำเนินงานไปแล้ว 4 ระยะ ได้แก่
5.มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของสถาบันการเงินเฉพาะกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย ประกอบด้วย