นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และคณะผู้บริหารพรรค ได้เดินทางไปร่วมงาน "รวมพลังประชาธิปัตย์ ชุมพร" และมีสมาชิกพรรคเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น ณ เพื่อนใจรีสอร์ต จ.ชุมพร ซึ่งบรรยากาศการเปิดตัวผู้สมัครประชาธิปัตย์ทั้ง 3 เขต เป็นไปด้วยความคึกคัก โดยผู้สมัครทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย
เขต 1 “ตาร์ต-อิสรพงษ์ มากอำไพ” ส.ส. 1 สมัย จากการชนะการเลือกตั้งซ่อมล่าสุด และยังมีฐานเสียงที่ดี และมีเสียงตอบรับที่ดีมากขึ้นเป็นลำดับ
เขต 2 “สราวุธ อ่อนละมัย” ส.ส.ชุมพร 3 สมัย มั่นใจว่าเป็นเต็ง 1 อีกคน ลงพื้นที่สม่ำเสมอ ได้รับเสียงตอบรับดีมาก และยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างมั่นคง
เขต 3 “มีศักดิ์ ภักดีคง” คนหน้าใหม่ ไฟแรง เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีประสบการณ์การทำงานสูง อดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตอธิบดีกรมประมง
นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีความมั่นใจว่าจากผู้สมัครของเราทั้ง 3 เขต เป็นผู้มีศักยภาพสูงทุกคน เราสามารถคัมแบ็คแน่นอน ในส่วนของจังหวัดชุมพร
ผู้สื่อข่าวถามว่าในเขตเลือกตั้งที่ 3 นั้น เดิมมีอดีต ส.ส.ปชป. ที่ย้ายไปสนับสนุนพรรคอื่น จะทำให้เป็นการแย่งฐานคะแนนเดิมหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำว่า ประชาธิปัตย์ก็มีฐานของประชาธิปัตย์ บวกกับผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีฐานส่วนตัว มีฐานครอบครัว ญาติมิตรเพื่อนฝูงในเขต 3 จำนวนมากเช่นกัน
ดังนั้น เราก็ต้องมั่นใจว่าเราสู้ได้ ส่วนคู่ต่อสู้ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องแข่งกัน ไม่ว่าเขตไหนก็ต้องมีหลายพรรคการเมืองแข่ง ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ปัจจุบัน หรือเป็นอดีต ส.ส. หรือ ผู้สมัคร ซึ่งก็เหมือนกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้
“ชุมพร คงไม่มีเขตไหนลงสมัคร 2 คน ก็คงมี 3-9 คน ก็ธรรมดาทุกครั้งอย่างนี้ แต่เรามั่นใจว่าเที่ยวนี้เราพร้อมมากสำหรับ 3 เขตของชุมพร” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในเขตเลือกตั้งที่ 3 เป็นพื้นที่ทำประมงเป็นส่วนใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์จะชูนโยบายเด่นๆ เพื่อเพิ่มคะแนนให้ผู้สมัครอย่างไรบ้างหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผู้สมัครเขต 3 ของพรรค เป็นอดีตอธิบดีกรมประมง ทราบดีทั้งหมด เพราะเคยทำงานร่วมกับตนมา เพียงแต่เราไม่สามารถผลักดันทั้ง 13 ข้อ จนเป็นที่พอใจของชาวประมงก่อนหน้านี้ได้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการประมงแห่งชาติ จากตนเป็นรองนายกฯ ท่านอื่น
แต่นโยบายนี้เราก็ยังเก็บไว้ และได้มอบหมายให้ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 ไปแล้ว เนื่องจากมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนี้ ดังนั้น เที่ยวหน้าจะต้องมาช่วยสรุปทำนโยบายเพื่อขับเคลื่อนประมงของประเทศให้ฟื้นกลับมาคู่กันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประมงพื้นบ้าน หรือประมงพาณิชย์ เพราะประมงนั้นสร้างรายได้ให้กับประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเป็นแสนล้าน วันนี้หดหายไปจนเกือบจะเรียกว่าหมดเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ไม่เช่นนั้นประมงจะเป็นตัวขับเคลื่อน จีดีพี สำคัญของประเทศอีกตัวหนึ่ง แต่อนาคตเราทำแน่ ถ้าเรามีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล และจะเป็นนโยบายหนึ่งในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีนโยบายด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง นอกเหนือจาก “ประกันรายได้” อย่างไรบ้าง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประกันรายได้เป็นดีเอ็นเอของเราในการขับเคลื่อนต่อไป เพียงแต่จะไม่หยุดอยู่ที่ประกันรายได้เกษตรกร แต่ต้องขยายวงออกไปถึงกลุ่มอื่นๆ ที่จะทำให้กลุ่มเปราะบาง และประชาชนที่เป็นกลุ่มสำคัญๆ ของประเทศได้มีหลักประกันเรื่องรายได้
“หากเราเป็นแกนนำรัฐบาล เราจะได้ช่วยสร้างเงินเพื่อเป็นหลักประกันให้กับกลุ่มเหล่านี้ นอกจากนั้นในเรื่องภาพรวม ผมมีอยู่ทั้งหมดแล้ว แต่จะพูดทั้งหมดก็ยังไม่ใช่เวลา แต่อย่างน้อยให้เห็นภาพรวมว่า เศรษฐกิจของประเทศนั้น จะต้องยืนอยู่ทั้งเรื่อง การส่งออก เพื่อส่งผลต่อผู้ใช้แรงงานให้มีงานทำ และเกษตรกรสามารถขายพืชเกษตรได้ราคาดี เพราะมีตลาดส่งออก”
สิ่งนี้ถือเป็นผลงานเชิงประจักษ์แล้ว หากพูดเรื่องส่งออก ก็เชื่อว่าทุกคนมั่นใจ “จุรินทร์ทำได้” และยังมีเรื่องการท่องเที่ยวที่จะมาเป็นตัวร่วมเพื่อขับเคลื่อน จีดีพีของประเทศต่อไป เมื่อถึงเวลาแล้วจะเปิดแน่นอน ไม่มีปัญหา เข้าใจดีทุกอย่างว่าเราจะขับเคลื่อนประเทศ สร้างเงินให้ประเทศด้วยวิธีไหนอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้วางตัวไว้ 100% แล้วหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ยังไม่ร้อย ไม่ใช่หาตัวผู้สมัครไม่ได้ แต่บางเขตมีผู้สมัครเกิน และต้องใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจสักระยะ หรือบางพื้นที่อาจต้องทำโพล และถ้าโพลเสร็จเมื่อไหร่ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องก็จะแถลงให้ทราบต่อไป
ส่วนความคาดหวังที่นั่งส.ส.จากการเลือกตั้งนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้เราเคยประกาศไปแล้ว 35-40 ที่นั่ง ตนคิดว่าเป็นไปได้มาก 40 ที่นั่ง ซึ่งไม่ได้พูดจากความฝัน แต่พูดจากฐานความเป็นจริง
ส่วนประเด็นที่บอกว่าทุกพรรคการเมืองมารุมอยู่ที่ภาคใต้ ทุกพรรคก็เป็นอย่างนี้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคไม่มะรุมมะตุ้มอยู่ในภาคใต้ ขอให้ไปย้อนดูแต่ละเขต มีตั้งแต่ 4 คน 5 คน 10 คน 12 คน ก็มี ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์จะเป็นตัวยืนทุกครั้ง และมีพรรคการเมืองอื่นลงมาเป็นคู่แข่งขัน ซึ่งเราก็ยืนหยัดมาได้ถึงวันนี้
“แม้ว่าแต่ละช่วงจะได้มากบ้าง น้อยบ้าง แต่เราก็ยืนหยัดมาได้ ซึ่งเที่ยวหน้า ตนก็คิดว่าไม่ได้มีปรากฏการณ์ที่แปลกอะไรขึ้นมาในแง่ที่จะต้องมีหลายพรรคลงไปแข่ง”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ผ่านมามีสมาชิกพรรคย้ายเข้า-ออก ขณะนี้นิ่งแล้วหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่านิ่ง แต่ก็ธรรมดา เพราะตนก็เคยพูดไว้แล้วว่า ทุกพรรคการเมืองพอใกล้โหมดเลือกตั้งจะมีเข้า มีออก ไม่มียกเว้น ไม่ใช่มีแต่ประชาธิปัตย์จะเข้าจะออก แต่มีทุกพรรค ไปดูเถอะ วันนี้ก็ยังเห็นอยู่ทุกวันว่ามีเข้า มีออก
“มันเป็นเรื่องธรรมดา บางคนพอพรรคตัดสินใจเลือก นาย ก. นาย ข. ก็ต้องย้ายพรรคถ้าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะพรรคส่งเขตเดียว 2 คนไม่ได้ ก็เป็นที่มาที่อาจจะต้องย้ายพรรค นี่ผมพูดในภาพรวมนะ บางท่านต้องการเงื่อนไข แต่พรรคนั้นๆ ให้ไม่ได้ ก็เปลี่ยนพรรค ซึ่งก็สุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายจุรินทร์ ยังระบุถึงการเปิดตัวผู้สมัครที่จะเป็นคนใหม่สร้างความตื่นเต้นว่า เราจะมีคนใหม่ๆ เข้ามาหลายคน เมื่อถึงเวลาก็จะทยอยเปิดตัว และที่เปิดตัวไปแล้วก็หลายคน ไม่ได้มีแต่ ดร.เอ้ กับ มาดามเดียร์ เรามีอีกหลายคนที่เป็นคนรุ่นใหม่
“ในภาคใต้ที่เปิดตัวไปแล้วหลายเขตก็มี เช่น ที่สุราษฎร์ธานี ก็จบจากประเทศอังกฤษ เดี๋ยวจะมีในจังหวัดอื่นๆ อีก ซึ่งจะได้เปิดให้ทราบ แม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็จะมีผู้สมัคร ส.ส.รุ่นใหม่ ที่จะเดินเข้าพรรคอีกหลายคน และมีผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ มีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้แทนแน่นอนที่จะเดินเข้าพรรค”
ทั้งนี้ ในงานเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ชุมพร ทั้ง 3 เขต ในครั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอบคุณพี่น้องชาวชุมพร จากการเลือกตั้งซ่อม เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 ที่บอกชัดเจนว่า เมื่อ “ประชาธิปัตย์”รวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว เราก็เอาชนะคู่แข่งขันได้อย่างขาวสะอาด และขาดลอย ดังนั้น พี่น้องชุมพรต้องรวมหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของชาวประชาธิปัตย์ให้เป็นพลัง และ ชุมพร จะสามารถยกจังหวัดได้ต่อเนื่อง เป็นครั้งที่ 8
“ตั้งแต่ปี 2535 ถึง ปี 2554 นั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งยกทีมทั้งจังหวัด ทุกครั้ง ติดต่อกันมาแล้ว 7 สมัย มี ส.ส. ของพรรค อย่าง ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย สุชาติ แก้วนาโพธิ์ สุวโรช พะลัง จนมาถึง เอก-สราวุธ อ่อนละมัย จ้าว-ธีระชาติ ปางวิรุฬรักษ์ ลูกหมี-ชุมพล จุลใส ตาร์ต-อิสรพงษ์ มากอำไพ ถือเป็นความต่างที่เด่นชัดของประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นที่พึ่งหวังของคนไทย และไว้วางใจได้เสมอ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ