วันนี้ (14 พ.ย.65) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ภาค 2 หรือ จีทูจี ภาค 2 ว่า ความจริงยังมีคดีสำคัญอีกหลายคดีที่รอว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของป.ป.ช.
การที่ประธานป.ป.ช.ระบุว่า ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน จะมีการชี้มูลคดีสำคัญหลายคดีนั้น ก็เป็นไปได้ แต่ขณะนี้ประธานป.ป.ช.ติดภารกิจการประชุมเอเปค ซึ่งท่านมีความตั้งใจว่าในคดีใหญ่ๆ ที่สำคัญ อยากให้กรรมการอยู่กันครบ แล้วจึงค่อยนัดพิจารณา
เมื่อถามว่าในส่วนของคดีทุจริตระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น)แบบรับต่อรัฐ สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีจะมีการชี้มูลด้วยหรือไม่ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้เสร็จแล้วทั้ง 2 เรื่องรอเข้าที่ประชุมป.ป.ช. และอยู่ที่ประธานป.ป.ช.จะนัดประชุมเมื่อใด
“เมื่อเข้าที่ประชุม ก็จะมีการพิจารณาว่าสำนวนสมบูรณ์หรือไม่ จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าสำนวนมีความสมบูรณ์ป.ป.ช.ก็จะดูว่าใครถูก หรือ ผิด และวินิจฉัยซึ่งอาจไม่มีใครผิดก็ได้”
ส่วนกรณีมีการตั้งสังเกตว่า ป.ป.ช.ต้องมีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ยังไม่ครบ 8 ปี เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ต้องเสนอเข้าคณะกรรมการป.ป ช. น่าจะเป็นประเด็นที่มีปัญหาในการวินิจฉัย ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าอะไรคือความเป็นรัฐมนตรีต่อเนื่องจาก รัฐมนตรีมาเป็น ส.ว., สนช.มาเป็นส.ว.นั้นความจริงเกี่ยวโยงกัน เพราะความต่อเนื่องจะไปสัมพันธ์กับข้อกฎหมาย
“ที่จริงไม่มีประเด็นอะไร เพราะท่านนายกฯ ก็ยื่นมาทุกบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งยื่นเกินมาด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่าจะมีการเปิดเผย หรือ ไม่เปิดเผยแค่นั้นเอง ประเด็นตอนนี้มีอยู่เพียงแต่ว่า ถ้าต้องยื่นซ้ำก็เท่ากับว่า มีหน้าที่ยื่นซ้ำและต้องเปิดเผย ซึ่งบัญชีที่นายกฯ ยื่นมาก็เอาไปเปิดเผยแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมาก ไม่น่าเป็นประเด็นแต่อย่างใด”