สรุป “ม็อบป่วนเอเปค” จับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร์ 25 ราย ตำรวจเจ็บ 5 นาย  

18 พ.ย. 2565 | 10:15 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ย. 2565 | 17:20 น.

ตำรวจสรุปภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มราษฎร์ ที่ต่อต้านการประชุมเอเปค 2020ควบคุมสถานการณ์ได้ จับผู้ชุมนุม 25 ราย ตำรวจเจ็บ 5 นาย 


วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565 (โฆษก กอ.ร่วมฯ เอเปค) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องในช่วงการประชุมเอเปคว่า วันนี้เวลาประมาณ 08.50 น. กลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 ที่ปักหลักชุมนุมลานคนเมือง ยอดผู้ชุมนุมประมาณ 350 คน ได้เคลื่อนขบวนเพื่อเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องต่อการประชุมเอเปค โดยเคลื่อนขบวนฝ่าฝืนข้อกำหนดและเงื่อนไขฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เจรจา แจ้งและประชาสัมพันธ์กับผู้ชุมนุมฯ ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง  


เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ โดยสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ได้มีคำสั่งที่ 115/2565 ลง 17 พ.ย.65 กำหนดเงื่อนไข คำสั่ง ในการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมฯ โดยมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้มีหนังสือแจ้งการปฏิบัติในการชุมนุมสาธารณะให้ตัวแทนทราบตามประกาศดังกล่าวแล้ว ตลอดจนได้ชี้การกระทำที่อาจกระทำผิดกฏหมายอาญาอื่นๆ


ต่อมา ผู้ชุมนุมได้ฝ่าฝืนโดยเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณถนนดินสอ ตำรวจได้ใช้เครื่องเสียง ประกาศ เจรจา แจ้งเตือนกับกลุ่มผู้ชุมนุมปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอมและฝ่าฝืนกฎหมาย โดยได้ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ขว้างปาก้อนหิน สิ่งของ ทำลายรถยนต์กระบะทางราชการเสียหาย มีการใช้กำลังทำร้ายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องใช้กำลังป้องกันตัวเอง และทำการจับกุมผู้กระทำความผิดเหตุซึ่งหน้าดังกล่าว


จากนั้น เวลา 12.30 น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจุดไฟวางเพลิงเผาทรัพย์บนรถตำรวจโดย นายบารมี ตำรวจจึงจำเป็นต้องคลี่คลายสถานการณ์ เร่งเข้าดับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ไม่ให้เกิดอันตรายต่อประชาชนหรือบุคคลอื่นๆ และทำการจับกุมตัวในกรณีดังกล่าว 


ส่วนข้อกฎหมายที่ได้ดำเนินการ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 25 คน ได้ดำเนินคดีในพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ทำร้ายร่างกาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และ กำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกรณีความผิดอื่นที่เกิดขึ้น 


ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติงานของตำรวจ โฆษก กอ.ร่วมฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ได้กำหนดแผนการดูแลสื่อมวลชนของบช.น. โดยมีข้อแนะนำดังนี้ 


1.ให้มีการลงทะเบียนสื่อมวลชน 

 

2.กำหนดสัญลักษณ์โดยมีปลอกแขนสื่อหรือแสดงสัญลักษณ์

 

3. กำหนดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยของสื่อ และไม่รบกวนการปฏิบัติงานของตำรวจ ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ และแนะนำสื่อให้มีความเข้าใจเพื่อให้การปฏิบัติไม่มีปัญหาและเกิดการบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน

 

ส่วนภาพที่ปรากฎออกมาว่าเจ้าหน้าที่อาจปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุนั้น ทั้งประเด็นการขว้างปาแก้ว จนสื่อมวลชนโดนลูกหลง การทำร้ายสื่อมวลชนที่สวมปลอกแขน การใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม ตลอดจนการใช้ระเบิดควัน ซึ่งไม่อยู่ในอุปกรณ์ยุทธวิธี พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิด แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมและชี้แจงให้กับประชาชนทราบโดยเร็วเพื่อคลายข้อสงสัย  

 

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจที่ได้ปฎิบัติหน้าที่ มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมเบื้องต้นได้รับบาดเจ็บบริเวณคิ้วข้างขวา อยู่ระหว่างแพทย์ทำการดูแลรักษา ส่วนผู้ชุมนุมอื่นๆ กำลังตรวจสอบและติดตามว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บอย่างไรอีกบ้าง 

 

“สถานการณ์ในภาพรวมวันนี้ ตำรวจมีความจำเป็นต้องมีการควบคุมสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุ ในบางกรณีอาจมีภาพที่ปรากฎการกระทบกระทั้งจนทำให้เกิดการได้รับบาดเจ็บ หรือมีภาพที่ผู้ชุมนุมได้รับการกระทำในแต่ละกรณีไป ทางตำรวจจะต้องมีการดูว่าแต่ละกรณีนั้นเป็นอย่างไร ทุกๆ อย่างจะเปิดเผยทุกประเด็น”

 

โฆษกกอ.ร่วมฯ กล่าวอีกว่า ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีข้อสั่งการและข้อกำชับมาให้ตำรวจทุกนายให้พยายามเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ และหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ให้อดทนและเข้าใจต่อสถานการณ์ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และแผนการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตลอดจนกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

 

หากมีความจำเป็นต้องป้องกันตนเอง หรือ จับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้าที่ฝ่าฝืนกฏหมายอย่างร้ายแรงให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นเหมาะสมได้สัดส่วนกับสถานการณ์ อุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย และกำชับให้ตำรวจปฎิบัติตามหลักยุทธวิธีและยึดหลักกฏหมายเพื่อให้ความสงบเรียบร้อยและขอให้ตำรวจผู้ปฏิบัติงานทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย

 

“ตำรวจมีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้ถือปฏิบัติตามกฏหมาย และมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแผน ทั้งนี้การยึดหลักกฏหมาย แนวทางการใช้กำลังเน้นการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ และบริหารจัดการการชุมนุมให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ ผู้ชุมนุมบางส่วนได้กลับไปที่ลานคนเมือง” โฆษกกอ.ร่วมฯ กล่าว