วันนี้ (10 ธ.ค.65) นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ตลอด 90 ปี ประเทศไทยอยู่ในวงจรอุบาทว์ การทำเพื่อประชาชนแทบไม่เคยเกิดขึ้น การที่ประชาชนจะได้รับการดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ ไม่เคยเกิดขึ้นเพราะถูกปล้นอำนาจไปโดยตลอด
“วันนี้ถึงเวลาที่ประชาชนต้องกำหนดอนาคต มีสิทธิ์ มีเสียง เป็นของตัวเอง ถึงเวลาที่จะต้องเขียนโดยประชาชนเห็นชอบโดยประชาชน ไม่งั้นจะไม่มีวันก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ กติกาเป็นของคนใดคนหนึ่ง ความขัดแย้งจะไม่มีวันจบสิ้นจึงต้องร่วมมือกันมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นของประชาชน จะสามารถตัดวงจรอุบาทว์ได้ การล้มล้างรัฐธรรมนูญผิดกฎหมาย เป็นกบฏต้องรับโทษ จะไม่มีใครกล้านำอำนาจของพี่น้องประชาชนไปใช้อีก”
นายโภคิน กล่าวว่า สสร.จะต้องมาจากประชาชน และไปสื่อสารกับพี่น้องประชาชนว่าต้องการรัฐธรรมนูญแบบใด โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะแก้ตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไป เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และอยากเห็นหน่วยงานองค์กรต่างๆ มีหน้าที่บทบาทอย่างไร ทั้งหมดได้ยื่นถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว และสามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนลงชื่อสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้ได้ครบตามเป้าหมาย 50,000 รายชื่อ
"นี่คือการปฏิวัติครั้งสำคัญ ด้วยการเปลี่ยนกติกาสูงสุดใหม่ ไม่หวังเพียง 50,000 บาท แต่หวัง 5 ล้าน 10 ล้าน เพื่อกำหนดชะตาสูงสุดของเขาเอง ใครจะปล้นอำนาจจะทำไม่ได้อีกต่อไป จึงชวนทุกท่านถ้าเป็นไปได้ครบ 5 หมื่นชื่อ เรื่องนี้จะได้รับการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภา เพื่อเดินหน้าต่อไป" นายโภคิน ระบุ
ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ขอบคุณที่ภาคประชาชนเปิดโอกาสให้พรรคไทยสร้างไทยร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เพื่อสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งกติกาสูงสุดไม่ควรมาจากคณะยึดอำนาจ และมีเจตนารมณ์ในการสืบทอดอำนาจ
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ขวางกั้นการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีการเขียนกติกาควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดมาก็ต้องทำตามแผนดังกล่าว”คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
ด้าน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ตนสนับสนุนการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งสามารถร่วมลงชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว ยืนยันว่าจะรณรงค์ต่อไป เพื่อผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และจะเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ผลักดันไม่ให้ขัดกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผิดหลักการเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย โดยเฉพาะการให้อำนาจกับ ส.ว. ซึ่งอำนาจในส่วนของการเลือกนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องมีการแก้ไขและรณรงค์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งด้วย” นายเมธา กล่าว