เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวเปิดการประชุมใหญ่สามัญสาขาพรรคประชาธิปัตย์ ประจำจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยมี นายถนอมศักดิ์ แป๊ะเส้ง ประธานสาขาพรรค พร้อมด้วย นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป.เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา กรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภา อบจ.สงขลา สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขารูปช้าง สมาขิกพรรค และผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสาขาพรรคปชป.เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา
ทั้งนี้เพื่อให้สมาขิกพรรคทุกคนได้รับทราบถึงกิจกรรมต่างๆ ของทางสาขาพรรคที่ได้ดำเนินการตลอดเวลาที่ผ่านมา และเลือกตั้งกรรมการบริหารสาขาพรรคแทนชุดเก่าที่ครบวาระ โดยมีพนักงานการเลือกตั้งชำนาญการ ตัวแทนผู้สังเกตการณ์จากสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดสงขลา ร่วมสังเกตการณ์ และกล่าวทักทายผู้เข้าร่วมประชุมพร้อมทั้งชี้แจงข้อกฏหมายที่สำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และบรรยายถึงบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรค มีต่อสาขาพรรค
นายนิพนธ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลสาขาพรรคประจำเขตเลือกตั้งสาขาพรรค ปชป. ต้องขอขอบคุณกรรมการสาขา และสมาชิกพรรค ในรอบปีที่ผ่านมาที่ได้ช่วยทำกิจกรรมของสาขาพรรคด้วยดีตลอดมา
ในนามตัวแทนพรรคปชป.จึงต้องขอขอบคุณ เพราะพรรคอยู่ได้ด้วยความเข้มแข็งเพราะสาขาพรรค ผู้แทนพรรค สมาชิกพรรค เราจึงอยู่ได้ตลอด 76 ปี เข้าปีที่ 77 ซึ่งพรรคปชป.เป็นการเมืองเดียวที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นพรรคของมวลสมาชิกทุกคน นี่คือความต่าง ความไม่เหมือนจากพรรคการเมืองอื่นๆ
จึงขอให้มั่นใจในพรรคปชป. ตั้งแต่นี้ไปจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง การเลือกตั้งที่กกต.ประกาศแล้วว่า
ถ้าครบวาระ ในวันที่ 7 พ.ค. 2566 จะเป็นวันเลือกตั้ง คืออยู่ครบวาระ 23 มี.ค. ซึ่งตนขอยืนยันว่า ภาคใต้คราวที่ แล้ว ส.ส. 50 คน เราได้ 22 คน ถือว่าเราเสียหายมาก
โดยการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะถึงนี้ ในฐานะที่เป็นผอ.เตรียมการเลือกตั้งของพรรค คาดว่าพรรคจะได้ 35 - 40 ที่นั่ง เพราะครั้งนี้ปชป.ประกาศสู้เต็มที่ ในทุกเขตเลือกตั้งโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนใต้
“คนไทยในมาเลเซีย ที่ผมได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องในมาเลเซียเครือข่ายต้มยำกุ้ง ที่มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นคือแก้ความยากจนในพื้นที่ให้มีอาชีพ มีรายได้ และ มีงานทำ เพราะ ปชป.เข้าใจและเข้าถึงในเรื่องนี้”
ตนจึงได้นำคณะเดินทางไปพบเครือข่ายต้มยำกุ้งที่ประเทศมาเลเซีย และพบกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่ต่างกันในหลายเรื่อง เพื่อนำไปสู่การร่วมกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ และได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง
“ประชาธิปัตย์เป็นของคนทุกรุ่น เราได้ทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ผสมผสานกันลงสมัครในครั้งนี้ พร้อมกับรับฟัง การร่วมคิด ร่วมทำ เพื่อเอามาแก้ปัญหาบ้านเมือง นี่คือปชป.”
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ที่บอกว่าทุกคนเป็นเจ้าของพรรค จึงเรียนว่าอย่าตกใจกับกระแสที่พรรคมีคนออกไม่หยุด ซึ่งตนเข้าใจในสัจธรรมนี้ดี ย่อมมีทั้งคนเข้าพรรค และคนที่จะออกจากพรรค เพราะเป็นธรรมดาที่ตัวแทนของพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้งมีได้แค่เขตละคนเดียว ตามที่กฎหมายกำหนด
“ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ มีคนมาขอเป็นผู้สมัครในแต่ละเขตเกิน 1 คน จึงต้องนำไปสู่การทำโพล เมื่อโพลสำรวจว่าพี่น้องประชาชนไม่ได้ให้ความนิยม จึงไม่ได้รับการคัดเลือกให้ลงสมัครในนามพรรค สิ่งนี้จึงเป็นที่มาของการลาออกจากสมาชิกพรรค”
และเหตุนี้ก็แสดงให้เห็นความจริงอีกอย่างหนึ่งว่า ที่มีกระแสข่าวว่าปชป.มีแต่คนออก ไม่จริง จะเป็นจริงได้อย่างไร ในเมื่อแต่ละเขตมีคนขอลงสมัครมากกว่า 1 คน จนนำไปสู่การทำโพล และที่ออกไปคืออไม่มีพื้นที่ให้ลงสมัครเพราะประชาชนไม่ให้ความนิยมตามโพล
สิ่งสำคัญขอย้ำว่าพรรคปชป.ให้โอกาสทุกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกับพรรคปชป. เพราะพรรคทำอะไรมามาก เฉพาะในยุคท่านชวน กับนโยบายของนมโรงเรียนในปี 2536 เรื่องของอาหารกลางวัน กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เรียนฟรี
“ในสมัยท่านอภิสิทธ์ ในรอบนี้เราให้ความสนใจในเรื่องของการศึกษา เพราะ ปชป.คิดในเรื่องของการสร้างคน ให้กับพี่น้องประชาชน โครงการอาหารเช้า โครงการเรียนฟรีด้าน เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น”
วันนี้จึงหวังว่าพวกเราสมาชิกพรรคปชป.จะมาร่วมกันขยายฐานพรรคปชป.ให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น และแต่นี้ต่อไปจะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง จึงอยากให้สมาขิกพรรคมั่นใจในกรรมการบริหาร ผู้บริหารพรรค และนโยบายของพรรคปชป. ซึ่งพรรคจะปรับโฉมในเรื่องการศึกษาโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้
“จึงขอให้ทุกคนมั่นใจ และร่วมเดินหน้าไปกับพรรคปชป. ด้วยการหาแกนนำพรรค หาสมาชิกพรรคใหม่เข้ามาเสริม เพื่อสร้างเครือข่าย นี่คือสิ่งที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีรากฐานของความเข้มแข็ง และมีความมั่นคง นำพรรคไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งร่วมกัน” นายนิพนธ์ ระบุ