*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3843 ระหว่างวันที่ 11-14 ธ.ค. 2565 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
*** บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2565 ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า จะเล่นการเมือง และร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ “ผมก็อยู่ ถ้าสมมุติว่าต้องอยู่ ก็อยู่ได้แค่ปี 2568 นั่นแหละนะ" พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามที่ว่าตั้งเป้าหมายการทำงานในปีหน้าอย่างไรบ้าง เมื่อสื่อมวลชนถามย้ำว่าก็พอจะเริ่มชัดเจนว่านายกฯ ไปต่อ แม้จะไปต่อได้แค่ 2 ปี ก็จะไปต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ก็ 2 ปี ก็จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้นต่อมาก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง" ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าข่าวที่จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ก็เดี๋ยวผมยังไม่ได้พูดเท่านั้นเอง เดี๋ยวค่อยพูด" เมื่อถามว่ามีความชัดเจนถึงขณะนี้แล้วขอให้พูดมาเถอะ นายกฯ พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “เออๆ” ...
*** การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาบอกว่า "2 ปี ก็จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้นต่อมาก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง" อย่างกับมีความมั่นใจว่า “ตนเอง” จะได้กลับเข้ามาเป็น “นายกฯ สมัย 3” อีกครั้ง ถึงกับคิดหา “ทายาททางการเมือง” ขึ้นสืบต่อเมื่อตนเองพ้นวาระไป ที่คิดเช่นนี้คงเป็นเพราะมั่นใจใน “250 ส.ว.” ที่อยู่ในมือที่จะช่วยโหวตเลือกนายกฯ ในสภาฯ อย่างนั้นกระมัง ...ก็รอดูกันไปว่า “ทายาททางการเมือง” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสนับสนุนคนต่อไปเป็นใคร?
*** ไปดูการวิเคราะห์ของนักวิชาการต่อการตัดสินใจ “ไปต่อ” ของพล.อ.ประยุทธ์ ทาง รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ชัดเจนแล้วว่าจะ “ไปต่อ” ในทางการเมือง แม้จะเหลือเวลาเป็นนายกฯ ได้อีกแค่เพียง 2 ปีว่า ท่าทางหรือท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงให้เห็นชัดมานานแล้วว่า จะยังเดินบนเส้นทางการเมืองต่อจนครบวาระ และที่ต้องออกมาแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไปร่วมกับพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งขณะนี้ยังเติบโตช้ากว่าที่คาด ดังนั้น เพื่อดึงดูดให้คนเข้าพรรค จึงต้องชัดเจนว่าตัวเองนั้นจะเข้าร่วมกับพรรคที่กำลังจะไป ส่วนในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ถึงขั้นลงรับเลือกตั้งส.ส.เอง แต่คงนั่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือ อาจจะมีตำแหน่งใหญ่ภายในพรรค ย้ำว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเข้าไปแสดงให้คนเห็นถึงความชัดเจน เพราะวันนี้ความเติบโตของพรรคที่จะไปร่วมดูช้า เพราะความไม่เต็มตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ยุบสภา เพราะนี่คือความได้เปรียบอย่างหนึ่ง แต่ถ้ายุบ ก็ยุบในช่วงเวลาที่สะดวกต่อการย้ายพรรค หรือ ไม่เกินช่วงมี.ค. 2566
*** ทำเอาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ต่อการประกาศนโยบายหาเสียงของ “พรรคเพื่อไทย” ที่นำโดย อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการประกาศจะทำให้ได้ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนระดับปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน และยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ออกแนว “ประชานิยม”อีกมากมาย โดยได้ประกาศว่า ภายในปี 2570 ภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย หากบริหารประเทศนาน 4 ปี คนไทยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง 10 ด้าน โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ จากปี 2566 จนถึงปี 2570 จะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศเติบโตอย่างต่ำเฉลี่ย 5% ต่อปี ช่องว่างความเหลื่อมล้ำด้วยแนวคิด “รดน้ำที่ราก” จะใช้ซอฟต์พาวเวอร์เป็นพลังขับเคลื่อน เช่น เชฟทำอาหาร นักออกแบบ แฟชั่นดีไซเนอร์ นักร้อง นักแต่งเพลง คนเขียนบท ยูทูบเบอร์ นักสร้างคอนเทนท์ นักออกแบบมัลติมีเดีย นักกีฬา หรือสปาเทอราปิสต์ จะทำให้มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี ประเทศไทยมี 20 ล้านครอบครัว สามารถสร้างงานทักษะสูงได้ 20 ล้านตำแหน่ง และมีรายได้รวมกันถึงปีละ 4 ล้านล้านบาท ในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี อยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป
*** ค่ำวันเดียวกัน เฟซบุ๊ก CARE แคร์คิดเคลื่อนไทยได้สรุปการไลฟ์สดพูดคุยกับ โทนี่ วู้ดซัม หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บิดาของ อุ๊งอิ๊ง ในหัวข้อ จาก “คิดใหม่ ทำใหม่” ถึง “คิดใหญ่ ทำเป็น” ตอนหนึ่งว่า วันนี้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายใน 4 ปี ล่าสุดมีคนออกมาโวยวาย บอกทำไม่ได้ หรือ เพ้อฝัน บางคนก็ออกมาโวยวายว่า พอกันที พรรคการเมืองเลิกหาเสียงเรื่องรายได้ขั้นต่ำสักที ผมว่าคุณเข้าใจเศรษฐศาสตร์น้อยไป เข้าใจและเห็นใจเพื่อนมนุษย์น้อยไป วันนี้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็พูดชัดเจนว่า “จะทำให้เศรษฐกิจดี แม้โลกจะอยู่ในภาวะถดถอย” จะดันเศรษฐกิจไทยให้โตเฉลี่ย 5% เฉลี่ยนะครับ ดีไม่ดีปีแรกอาจจะโต 7% ก็ได้ เพราะมาจากฐานที่รัฐบาลทหารทำไว้ต่ำ พอเศรษฐกิจดี นักธุรกิจมีเงินเยอะ ก็มีเงินจ่ายค่าแรงสูงขึ้น ดังนั้น keyword คือ การปั้นเศรษฐกิจให้ดีทำให้ขึ้นค่าแรงได้
*** ทักษิณ อธิบายว่า ทำไมต้อง 600 บาท เขาขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปนะ คุณเชื่อไหมถ้าปล่อยให้ “เพื่อไทย” ทำโดยไม่มีระบบเฮงซวยมารังควานนะ ค่าแรง 800 บาท ก็ยังทำได้เลย สมมติบริษัทหนึ่งมีกำไรมากแต่ให้เงินเดือนต่ำ กับอีกบริษัทที่ทำรายได้เท่ากัน แต่ให้เงินเดือนสูง ยังไงก็จะเกิดการแย่งคนเก่งเข้าทำงาน มันจะเกิดการใช้เงินดูดคนเข้ามาทำงาน เงินเดือนก็จะสูงขึ้นตามกลไกตามเมื่อเศรษฐกิจดี นี่ไม่ใช่ว่าหลวงต้องจ่ายนะ แต่เป็นเอกชนที่จ่าย ถามว่าเราจะเดือดร้อนไหม หากรัฐบาลดันให้เศรษฐกิจดีเขาจะไม่เดือดร้อน นี่เป็นธรรมชาติของเศรษฐกิจที่อยู่ร่วมกัน ...เรื่องขึ้น “ค่าแรงขั้นต่ำ” เรื่องยกระดับเงินเดือนคนที่จบ ป.ตรี ถึงเวลาจริงทำได้ไม่ได้ ไม่รู้หล่ะ แต่ในทางการเมืองนโยบายนี้เป็น “นโยบายประชานิยม” ที่ “โดนใจ” ผู้ใช้แรงงาน และ นักศึกษา ที่จบใหม่แน่นอน และอาจทำให้ “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย เป็นจริงขึ้นก็มาได้ ...อย่าปรามาสไปเชียว
*** ปิดท้ายกันที่... ชูเกียรติ รุจนพรพจี และ อานนท์ชัย วีระประวัติ 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่แห่ง SABUY ใช้สิทธิแปลง SABUY Warrant 2 (SABUY-W2) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปต่อยอดขยายธุรกิจ รองรับแผนธุรกิจใหม่ เสริมฐานศักยภาพแกร่ง มั่นใจรายได้ปีนี้ เข้าเป้า 5,000 ล้านบาท ลุยแผนธุรกิจปีหน้าตั้งงบ 8,000-10,000 ล้านบาท ลงทุนธุรกิจใน 4 กลุ่ม ธุรกิจ E-Commerce, การเงิน, คลาวด์ (cloud) และ ธุรกิจบริหารหนี้ พร้อมตั้งเป้าปี 66 โต 20,000 ล้านบาท SABUY ส่งสัญญาณมาแรงขนาดนี้....ผู้ถือหุ้นรอลุ้นกันแบบสบายๆ ได้เลย...