วันนี้(27 ธ.ค.65) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย โพสท์เฟซบุ๊ก ถึงวันที่ได้ปาฐกถาเรื่อง “โลกเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ประเทศไทยจะเปลี่ยนไหม” ในงาน “วันธรรมศาสตร์ 10 ธันวาคม 2565 งานคืนสู่เหย้า” ระบุว่า
ไทยและอินโดนีเซียเจอวิกฤตต้มยำกุ้งพร้อมๆ กัน แต่อินโดนีเซียรุนแรงกว่า มีทั้งคนตายมากมาย เกิดจลาจล ขณะนั้นอินโดนีเซียเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ สมัยประธานาธิบดี ซูฮาร์โต คุมประเทศ 32 ปี ใครอยากเอาอย่างก็ดูตัวอย่างไว้ประชาชนออกมาประท้วง เพราะไม่มีจะกิน เรียกร้องสิทธิของประชาชน
ภาพในขณะนั้นของอินโดนีเซีย คือ ประเทศที่จนที่สุดคอร์รัปชันสูงที่สุด รัฐบาลด้อยความสามารถสุด อุปสรรคในการทำธุรกิจมีมากมาย มีแต่ระบบผูกขาด มีการเกื้อหนุนกันระหว่างนักธุรกิจกับนักการเมือง
พอมีการลุกฮือของประชาชนขึ้นมา ซูฮาร์โตลาออก เจอคดี มีการเลือกตั้งใหม่ เหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มสงบแล้ว แต่ความยากจนยังมีอยู่ อินโดนีเซียได้ใช้โอกาสนี้เป็นประโยชน์สูงสุด ดึงอำนาจกลับมาอยู่ที่สภา ไม่ได้อยู่กับภาครัฐ
สภาเริ่มปฏิรูปประเทศด้วยการออกกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยการล้มกฎหมาย สภามีความแข็งแกร่งมาก หลังก้าวออกจากเผด็จการเต็มรูปแบบ ขึ้นมาสู่การเป็นประเทศที่มีความหวัง
มีการค่อยๆ ทยอยดึงอำนาจออกมา เน้นเรื่องเดียวเลย จนทำให้ประเทศของเค้าเป็นแชมเปี้ยนเรื่องนี้เลย นั่นคือ เรื่องของการกระจายอำนาจ เรื่องของสุขภาพอนามัย เรื่องของสาธารณสุข การแพทย์ เรื่องของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลาย
ทั้งหมดนี้ถูกกระจายไปให้ท้องถิ่นทำ ส่วนกลางดูแลแค่นโยบายต่างประเทศ นโยบายการเงิน ดูแลด้านกลาโหมและความมั่นคง ที่เหลือกระจายออกไปหมด