จากข่าวช็อกแฟนคลับ ฐานเสียงนครปฐมของ นายศุภโชค ศรีสุขจร สส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่ต้องสูญเสียภรรยาสาว ภญ.ญาดาภา หรือ เตย อย่างกระทันหันโดยคาดว่าเป็นการอัตวินิบาตกรรม และยังมีประวัติอาการป่วยโรคซึมเศร้ามาก่อนหน้านี้
โดย นายศุภโชค ศรีสุขจร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 พร้อมรูปภาพของ ภญ.ญาดาภา ว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะคะ หลับให้สบายคะ แล้วคอยดูความสำเร็จฟิล์มอยู่บนฟ้านะคะ my angel"
ก่อนที่ ศุภโชค ศรีสุขจร จะประสบความสำเร็จในการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. จังหวัดนครปฐม ในสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ฐานเศรษฐกิจ เคยได้นั่งคุยเปิดใจ เปิดวิธีคิด กับอดีต สจ.หนุ่มไฟแรงผู้นี้ ว่าเหตุใดจึงตัดสินใจเดินบนเส้นทางการเมือง ซึ่งทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ศุภโชค ศรีสุขจร ยังคงลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจของภรรยาสาวด้วย
“มองว่าการเมืองเป็นสิ่งที่ยกให้กันไม่ได้ อยู่ที่การยอมรับของประชาชน ต้องทำให้ชาวบ้านเห็น ไม่ว่าจะบ้านใหญ่บ้านเล็ก ก็มีโอกาสเท่ากัน อยู่ที่ความมุ่งมั่น ตั้งใจ แล้วประชาชนจะให้คำตอบเราเอง”
นี่คือสิ่งที่ นายศุภโชค ศรีสุขจร อดีต สจ.นครปฐม วัย 28 ปีได้สะท้อน mide set ให้ ฐานเศรษฐกิจ ได้ฟัง
แม้ ศุภโชค ศรีสุขจร จะจบการศึกษาทางด้านการเงิน การธนาคารในระดับปริญญาตรี และ มีดีกรีปริญญาโท มาสเตอร์ดีกรี จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา คณะวิทยาศาสตร์ข้อมูล
แต่ด้วยสายเลือดนักการการเมืองตั้งแต่อากง ที่เป็นกำนันตำบลธรรมศาลา จ.นครปฐม มีอาม่า ที่เป็นนายกเทศบาล ต.ธรรมศาลา และบิดา คือ นายธงชัย ศรีสุขจร อดีตสมาชิกองการบริหารส่วนจังหวัด 4สมัย และอดีต ส.ว.นครปฐม
ทำให้ภาพประทับใจของศุภโชค คือ การที่ชาวบ้านมีรอยยิ้มเวลาที่ บิดา แก้ปัญหาให้ได้ และผู้เป็นบิดา ก็มีความสุขมากเช่นกัน เป็น แพสชั่นที่ทำให้ศุภโชค เลือกลาออกจากงานที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสานต่อภารกิจดูแลประชาชนในพื้นที่ต่อจากบิดา
ในวันที่บ้านใหญ่สะสมทรัพย์ โดย นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ ทาบทามเข้าสู่การเมือง ในวันนั้น ศุภโชค จึงตกปากรับคำโดยไม่ลังเล เพราะอยากจะนำความรู้ด้าน data analytics มาผลักดันการทำการเกษตรด้วยเทคโนโลยี ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นคนส่วนใหญ่ ได้มีผลิตผลจากการเกษตรมากขึ้น มีต้นทุนที่ต่ำลง
ไม่เพียงเท่านี้ "เขา" ยังได้สะท้อนปัญหาหลักด้านการพัฒนาพื้นที่ นั่นก็คือเรื่องงบประมาณท้องถิ่น ที่บางพื้นที่มีหลักพันล้าน บางพื้นที่มีเพียงหลักพันบาท ทำให้การพัฒนาไม่เท่าเทียมกัน นำมาสู่นโยบายสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 ล้านบาท
ศุภโชค ฝันไกล อยากเห็นเมืองนครปฐมเป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิต
แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า บางครั้งการพัฒนาพื้นที่อาจไม่เป็นไปตามฝัน เนื่องจากจำนวน ส.ส. ที่มีไม่มากพอ ทำให้เสียงอาจไม่ดังถึงระดับนโยบายที่กำหนดทิศทางประเทศ จึงมีความจำเป็นที่พรรคชาติไทยพัฒนา ต้องมีที่นั่งส.ส. ตามเป้า คือ 25 ที่นั่ง เพื่อให้ความฝันในการขับเคลื่อนการพัฒนา ได้เป็นความจริง
ศุภโชค มองตัวเองเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่ง ที่เติมด้านความหลากหลายในช่วงอายุให้กับพรรค ด้วยวัย 28 ปี ซึ่งถือว่าอายุน้อยที่สุดในพรรค แต่สามารถมีส่วนร่วมกับการกำหนดนโยบายของพรรคได้ด้วย
"เขา" มองว่า การนำเอาปัญหาชาวบ้าน มาสะท้อนผ่านที่ประชุมพรรค และ ได้ดีเบตในประเด็นต่างๆร่วมกับคนรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์ จะทำให้มีการพัฒนาต่อยอดได้ดีกว่าคนกลุ่มเดียว หรือ แนวคิดในทิศทางเดียว
นี่จึงทำให้เกิดเป็นนโยบาย Wow thailand ของพรรค ความหมายของแต่ละตัวอักษร อธิบายแนวทางการพัฒนาประเทศไทยไว้ชัดเจน
ศุภโชค ทิ้งท้ายกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ในวันนั้นว่า เป้าหมายในทางการเมือง ที่ฝันไกลแต่ไม่ยึดติด ภายใต้สโลแกน "ทำแต่ละสเต็ปให้ดีที่สุด" หากวันหนึ่งที่ความสามารถได้รับการยอมรับว่าสามารถทำหน้าที่รัฐมนตรีได้ ก็จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ
แต่หากวันไหน ที่ประชาชนเห็นว่า มีคนอื่นที่เหมาะสมกว่า ก็ต้องเปิดทางให้กับคนที่ประชาชนเลือกประชาชนเท่านั้นเป็นผู้ชี้ชะตา และไม่มีใครสามารถซื้อประชาชนได้ นี่คือสิ่งที่เขาศรัทธาต่อความเท่าเทียมในสนามการเมือง และศรัทธาต่อการชี้ชะตาโดยประชาชน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน นายศุภโชค ศรีสุขจร สส.เขต1 จ.นครปฐม ได้นั่งเป็นกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม