วันที่ 19 มิ.ย.66 นายรัชพล ศิริสาคร หรือ ทนายรัชพล ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คัดค้านการดำเนินการสอบสวน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่ส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลกรณีการถือหุ้นไอทีวี ใน 6 ประเด็น ประกอบด้วย
1.ขอให้กกต.ตัดเอกสารรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี ประจำปี2566 และงบการเงินปี 2666 ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นำมายื่นออกจากการพิจารณา เพราะเห็นว่า มีความไม่ชัดเจน มีข้อความที่ขัดแย้งกันอยู่
2.ขอให้ระงับการดำเนินการสอบสวนเอาผิดนายพิธา ตามมาตรา 151 เนื่องจากยังไม่มีคำพิพากษาของศาลว่า นายพิธามีความผิดจากกรณีการถือหุ้นสื่อ การที่กกต.ตั้งข้อกล่าวหา และสอบนายพิธาว่า มีความผิดตามมาตรา 151 ทั้งที่ความผิดยังไม่ชัดเจน จึงไม่เป็นธรรม
3. หากกรรมการไต่สวนยังดำเนินการอยู่ ขอให้เรียกนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานบริษัทไอทีวี มาชี้แจง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ไอทีวี มีการประกอบกิจการสื่อหรือไม่ หรือประกอบกิจการอะไรบ้าง หรือไม่ ประกอบกิจการอะไรเลย รวมถึงเกิดอะไรขึ้นกับเอกสารรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ที่พบว่ามีเนื้อหาขัดแย้งกันอยู่ระหว่างที่นำส่งกลต. กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
4. ขอให้กกต.ขอข้อมูล การยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา จากป.ป.ช. มาประกอบสำนวนการพิจารณาคดี กรณีนายเรืองไกรอ้างว่า ที่ดินใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่นายพิธาถือครองอยู่ เป็นทรัพย์ที่ได้รับมรดก ว่า มีความแตกต่างจากการมีชื่อถือครองหุ้นไอทีวี เพราะส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะมีผลอะไร มรดกมีหลายอย่าง ทั้งที่ดิน หุ้น และอื่นๆ อาจแบ่งได้ 2 ส่วน ส่วนที่แบ่งแล้วก็สามารถโอนให้คนอื่นๆ ได้ ส่วนที่ยังไม่ได้แบ่ง ก็สามารถรอจัดการมรดกได้
5. ขอให้กกต.ดำเนินการในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยตรง แจ้งความเอาผิดฐาน แจ้งความเท็จกับผู้ที่นำเอกสารที่ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ที่มีความขัดแย้งกับคลิปเสียงของนายคิมห์ในที่ประชุม ซึ่งตนก็ไปแจ้งความไว้ที่สน.ทุ่งสองห้องเช่นกัน แต่หากกกต.แจ้งความเองจะมีน้ำหนักมากกว่า
และ 6. อยากให้การพิจารณาคดีต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขอให้กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยซึ่งเป็นไปตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการดำเนินคดีเลือกตั้ง มาตรา 6 วรรคสาม ซึ่งคิดว่ากกต.ก็น่าจะส่งอยู่แล้ว แต่ที่ตนมายื่นเพื่อให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
นายรัชพล กล่าวด้วยว่า การที่ตนมายื่นเรื่องในวันนี้ ก็คาดหวังว่า กกต.จะพิจารณา เพราะตัวเองทำงานมาเหนื่อย ไปแจ้งความ เสียเวลาในการเตรียมเอกสารมาให้กกต. ส่วนกกต.จะดำเนินการตามหรือไม่ ไม่อาจจะก้าวล่วงได้ เพราะกกต.ก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ส่วนตัวก็ทำในนามประชาชนคนหนึ่งที่อยากเห็นความเป็นธรรมที่เกิดกับประเทศไทย