ทางโล่ง? “พิธา-ก้าวไกล” 15 ก.ค. 66 โหวตนายกฯ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 400 คน และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 100 คน รวม 500 คน เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา 

โดยในส่วนของส.ส.แบบแบ่งเขต มีส.ส.กลุ่มที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนจำนวน 318 คน ส่วนกลุ่มส.ส.ที่มีเรื่องร้องเรียน 82 คน กกต.จะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนผู้ถูกร้องเรียนต่อไปภายในระเวลา 1 ปี  

 

ส่วนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มีจำนวน 17 พรรคการเมือง ที่ได้รับการเลือกตั้งประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 39 คน, เพื่อไทย 29 คน, รวมไทยสร้างชาติ 13 คน, ประชาธิปัตย์ 3 คน, ภูมิใจไทย 3 คน, ประชาชาติ 2 คน 

นอกนั้นพรรคละ 1 คน ประกอบด้วย ครูไทยเพื่อประชาชน, ชาติไทยพัฒนา,  ชาติพัฒนากล้า, ท้องที่ไทย, ไทยสร้างไทย, ประชาธิปไตยใหม่, เป็นธรรม, พลังประชารัฐ, พลังสังคมใหม่, เสรีรวมไทย และ พรรคใหม่ 

15 ก.ค. 66 โหวตนายกฯ 

ภายหลัง กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการ ทาง นายวีรวัฒน์ เปรมนิธิวัฒน์ นิติกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้คาดการณ์กรอบระยะเวลาดำเนินการสู่วันเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ดังนี้  

วันที่ 19 มิ.ย. 2566 กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนและแบบแบ่งเขต 400 คน, ระหว่างวันที่ 20-24 มิ.ย. 2566 สำนักงานกกต. จัดให้มีการรับหนังสือรับรอง , ระหว่างวันที่ 20-25 มิ.ย. 2566 สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดให้มีการรายงานตัวของส.ส. แม้พ้นกำหนดระยะเวลาวันที่  25 มิ.ย. ก็ยังมารายงานตัวต่อสำนักงานได้

ระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.- 3 ก.ค. 2566 เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งอาจเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกก่อนครบ 15 วันก็ได้, ระหว่างวันที่ 4-12 ก.ค. 2566 ให้มีการประชุมสภาผู้แทนฯ ครั้งแรกภายใน 10 วัน นับแต่วันเปิดสมัยประชุมสามัญ 

วันที่ 4 ก.ค. 2566 คาดว่าจะเป็นการประชุมสภาผู้แทนฯ ครั้งแรก เพื่อทำการเลือกประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง และ สอง, วันที่ 10 ก.ค. 2566 ในกรณีมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าๆ แต่งตั้งประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา

และ วันที่ 15 ก.ค. 2566 คาดว่าเป็นวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 

อย่างไรก็ตาม เวลาดังกล่าวอาจเร็วขึ้นได้หากเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกก่อนครบกำหนด 15 วัน นับแต่วันรับรองผลเลือกตั้ง 

                                  

ครม.บิ๊กตู่ไปเร็วกว่าที่คิด

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงไทม์ไลน์ขั้นตอนหลังกกต. รับรอง ส.ส.ครบ 500 คน ว่า เมื่อ ส.ส.ไปรายงานตัวกับรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 20-24 มิ.ย. แต่ความจริงแล้วต้องใช้เวลา 7 วัน ก็จะมีการแจ้งกลับมายังรัฐบาลว่า ขณะนี้มี ส.ส.มารายงานตัวแล้วกี่คน ซึ่งหากมีจำนวนมากพอไม่โหรงเหรง ก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลประกอบรัฐพิธีเสด็จเปิดประชุมรัฐสภา ที่อาคารรัฐสภา 

และเมื่อโปรดเกล้าฯ วันใด และพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้ ก็จะเสด็จฯ ไปวันนั้น ในการเลือกตั้งประธานสภาฯ ต้องทำภายใน 10 วัน นับจากวันเสด็จฯ เปิดประชุมสภา แต่โดยธรรมเนียมเขาจะใช้กันเร็ว โดยมีเหตุผลว่า ส.ส.เข้าเฝ้าฯ กันแล้ว และไม่ต้องกลับบ้าน ซึ่งแล้วแต่ ส.ส.ที่เขาจะต้องไปกำหนดกัน 

ในอดีตจึงเป็นการเลือกประธานสภาในวันเดียวกับที่เสด็จมาเปิดประชุมรัฐสภา และเมื่อเลือกประธานรัฐสภาแล้ว ก็จะใช้เวลา 2-3 วัน โปรดเกล้าฯ ประธานสภา และหลังจากนั้นก็จะอยู่ในอำนาจของประธานสภาว่าจะเลือกนายกฯ เมื่อใด ซึ่งไม่มีกรอบระยะเวลา และไม่รู้ว่าทำได้ภายในกี่ครั้ง 

“รัฐบาลชุดปัจจุบันจะหมดวาระไปประมาณปลายเดือน ก.ค. ถึงต้น ส.ค. มันเร็วกว่าที่เราคิด แต่ผมคงไปตอบอะไรไม่ได้ เดี๋ยวไปลงข่าวให้อึกทึกครึกโครม เพราะผูกกับวันเสด็จพระราชดำเนินเปิดประชุมสภา และ โปรดเกล้าฯ ประธานสภา เมื่อใด และประธานสภาจะเลือกนายกฯ เมื่อไหร่ กี่รอบ กี่หน ซึ่งผูกโยงกันเยอะ แต่เสนอครม.ในวันนี้ก็คือ ประมาณการไว้อย่างนี้ ซึ่งจะมีเงื่อนไขที่ควบคุมไม่ได้ และไม่ควรจะไปควบคุมด้วย" นายวิษณุ กล่าว

ทางโล่งพิธา-ก้าวไกล

เมื่อ กกต. รับรองส.ส.ครบหมดแล้ว และทางสภาฯ ก็ได้กำหนดปฏิทินขั้นตอนต่าง ๆ จนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ออกมาแล้ว 

ต่อไปก็เป็นเรื่องของ “รัฐบาลก้าวไกล” ที่มี พรรคก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ประกอบด้วย ก้าวไกล, เพื่อไทย, ประชาชาติ, ไทยสร้างไทย, เพื่อไทรวมพลัง, เสรีรวมไทย, เป็นธรรม และ พลังสังคมใหม่ รวม 312 เสียง ว่าจะสามารถเดินสายขอคะแนนเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 64 เสียง เพื่อให้ถึง 376 เสียง กึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วม ส.ส. และ ส.ว. อันจะสามารถผลักดันให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ คนที่ 30 ได้หรือไม่

สถานการณ์ ณ ขณะนี้ถือเป็นโอกาสอันดี ของ พรรคก้าวไกล ที่จะได้เสนอชื่อ พิธา ให้ที่ประชุมรัฐสภารับรองสมควรแต่งตั้งเป็นนายกฯ คงไม่มีอุปสรรคอะไรมาขวางกันได้ เพราะ กกต.ก็รับรอง ส.ส.ครบหมดแล้ว แถมกรณี “ถือหุ้นสื่อไอทีวี” ที่มีผู้ร้องตรวจสอบคุณสมบัติเลือกตั้งของ พิธา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ทาง กกต.ก็ไม่เร่งรีบตรวจสอบ แต่ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน

นอกจากนั้น ระยะเวลาการรับรอง ส.ส. จากเดิมที่ กกต.มีกำหนดเวลา 60 วัน หรือถึงวันที่ 13 ก.ค. 2566 แต่ก็เร่งจนสามารถประกาศรับรอง ส.ส.ได้ครบ 500 คน ก่อนถึงกำหนดกว่า 3 สัปดาห์ โดยใช้เวลาเพียง 1 เดือนกับอีก 4 วัน ก็รับรองได้แล้ว แม้จะมีถึง 82 คน ถูกร้องเรียน แต่ก็มีเวลา 1 ปี ในการตรวจสอบ 

ขณะที่ปัญหาการแย่งชิงตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ระหว่างพรรคก้าวไกล กับ พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง เพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ได้ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับสอง ก็เคลียร์กันลงตัว เมื่อ เพื่อไทย ยอมถอย ยกประธานสภาฯ ให้ก้าวไกล แต่เพื่อไทย ได้ 2 รองประธานสภาฯ 

สถานการณ์ต่าง ๆ เข้าทาง “ก้าวไกล” หมดแล้ว ทีนี้ก็ไปรอลุ้นในที่ประชุมร่วมระหว่าง ส.ส. และ ส.ว.ว่า จะเห็นชอบผ่านให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทยหรือไม่  

ไม่เกิน 15 ก.ค. 2566 ได้รู้กัน..

 

++++

 

“บิ๊กตู่”อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังประชุมครม.เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2566 ถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ก็อยากให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะปัญหามันเยอะแยะที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง อันนี้ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลใหม่ที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร 

“วันนี้เมื่อกี้ที่คุยกันเยอะๆ เป็นปัญหาประชาชนที่เป็นปัญหาเร่งด่วนต่างๆ จะทำอย่างไร เราจะแก้ปัญหาในระหว่างนี้อย่างไร ที่เป็นรัฐบาลรักษาการและติดกฎหมาย มาตรา 169 ตามรัฐธรรมนูญ โครงการใหม่ๆ การใช้จ่ายงบประมาณมีปัญหาหมด ซึ่งต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการ ดังนั้น การตั้งรัฐบาลถ้ามันช้าไปก็จะมีปัญหาต่อไปเรื่อยๆ”

                              

เมื่อถูกถามว่าได้แสดงความยินดีกับ ส.ส.ป้ายแดงอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างไร เพราะป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อครั้งแรก ว่า ได้รับรองก็ยินดีกับท่านไปแล้ว ยินดีทุกวันอยู่แล้วกับท่าน 
เมื่อถามว่าได้ข่าวหรือไม่ที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ยังไม่ได้ข่าวเลยนะ จะเป็นได้อย่างไรยังไม่รู้เหมือนกัน ต้องไปว่ากันดูในกระบวนการการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตนยังไม่รู้เพราะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง 

“บอกแล้วไงทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ในเรื่องทางการเมืองก็ว่ากันไปนะจ๊ะ ก็ยินดีกับทุกคน ผมยินดีกับ ส.ส.ใหม่ป้ายแดงทุกคน ก็ขอให้อยู่กันให้ครบก็แล้วกัน เพราะหลายคนอาจจะมีปัญหาบ้างอะไรบ้างก็แล้วแต่ท่าน”

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ การโหวตจะต้องเป็นมติของที่ประชุมพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องรอขั้นตอนที่เขาดำเนินการอยู่ในขณะนี้ก่อนว่าเราจะไปทิศทางใด ในฐานะที่เรามีคะแนนเสียง 36 คน ไม่ได้มากมายนักตรงนั้น ก็ต้องฟังพรรคใหญ่ๆ เขาคุยกันก่อน