วันนี้(9 ก.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงาน กกต. กรณีมีผู้ยื่นร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า การที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล มีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น เข้าลักษณะต้องห้ามมีให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา101(6) หรือไม่
โดยได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ และมีการประสานข้อมูลกับคณะกรรมการไต่สวน นายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังคงลงสมัครตาม มาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณาต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งปกติกกต.จะมีประชุมทุกวันจันทร์และอังคารของสัปดาห์
แต่แหล่งข่าวระบุว่า จะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค. ) และคาดว่าที่ประชุมกกต.จะมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้สำนักงาน กกต. ดำเนินการทันที
ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว กกต.มีมติตั้งขึ้นเมื่อช่วงปลาย มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีการยื่นคำร้องใหม่ของทั้ง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ขอให้กกต.ดำเนินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.ของนายพิธา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82
และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา นำโดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ก็ได้มีการนำหลักฐานเกี่ยวกับการถือหุ้น itv ของ นายพิธา มามอบให้กับกกต.เพื่อหวังให้กกต.ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ก็ให้สัมภาษณ์ระบุว่า การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ของกกต.จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อกกต.เห็นว่ามีข้อมูลเพียงพอก็สามารถมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ โดยก่อนมีมติจะเชิญ หรือ ไม่เชิญ นายพิธา ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงต่อกกต.ก่อนหรือไม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม หากกกต.มีมติและเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ปกติจะมีการประชุมประจำสัปดาห์ในวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้จะตรงกับวันที่ 12 ก.ค. หากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ นายพิธา หยุดปฏิบัติ ส.ส.ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยย่อมมีผลต่อการโหวตสนับสนุน นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค.นี้