ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้นำเข้าเนื้อสุกรโดยมิชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอไอ) นั้น วันนี้ (1 ธ.ค. 66) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้เข้าร่วมฟังการแจ้งข้อกล่าวหา บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัท นำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็ง จำนวนทั้งสิ้น 41 ตู้ มูลค่ารวมอากรประมาณ 117 ล้านบาท ในความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากรและความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอยื่นคำให้การแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง
รักษาการอธิบดีดีเอไอได้กำชับให้มีการดำเนินคดีฟอกเงิน โดยร่วมกับ สำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินทั้งมาตรการทางอาญา และมาตรการทางแพ่งโดยจะตรวจสอบและยึดทรัพย์ ที่ได้จากการกระทำความผิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นายบริบูรณ์ ลออปักษิณ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด พร้อมด้วยทีมฝ่ายกฎหมาย ได้เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ปากคำชี้แจงถึงการนำเข้าตู้หมูเถื่อน เนื่องจากตามรายงานระบุว่า นายบริบูรณ์ รับหน้าที่เป็นทั้งบริษัทชิปปิ้งเอกชนและนายทุน
ทั้งนี้ภายหลังเข้าให้ปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหา ในความผิดฐานนำของผ่าน หรือ กำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และความผิดฐานนำเข้าส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
ก่อนหน้านั้น พนักงานสอบสวนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหากลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนได้ทั้งสิ้น 10 ราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมขอศาลออกหมายจับอีก 2 บริษัท (1 กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม) เนื่องจากพบว่า ทั้งสองแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตู้หมูเถื่อน รวม 41 ตู้ มีเงินหมุนเวียนหลักพันล้านบาท และกรรมการรายนี้ยังเกี่ยวข้องกับข้าราชการฝ่ายการเมือง อักษรย่อ ป.