วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ และแคนดิเดตผู้แสดงเจตจำนงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนพรรคประชาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า เดียร์มาถึงจุดนี้ มันเกินกับสิ่งที่คิดว่าจะแพ้หรือชนะแล้ว มันคือการสู้จนถึงที่สุด เพื่อเอาจิตวิญญาณของพรรคประชาธิปัตย์กลับมาให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะดึงสส.ให้มาลงคะแนนสนับสนุนกี่เสียง น.ส.วทันยากล่าวว่า ไม่ทราบ ทำให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดขึ้นก็พร้อมยอมรับ แล้วจะไม่ค้างคาใจเรา และไม่ค้างคาใจสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังเฝ้ารอและอยากจะเห็นว่า อุดมการณ์ของพรรคที่ยังภาคภูมิใจมาตลอด 77 ปี และทำให้คนกลับมาศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์ยังจะคงคืนกลับมาได้อีกครั้ง
น.ส.วทันยากล่าวว่า การประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ไม่ได้หารือกับผู้ใหญ่ภายในพรรค เป็นการตัดสินใจของตัวเอง ซึ่งในสถาพที่ต้องยอมรับว่าเหลือ สส.เพียง 25 คน สมาชิกพรรคทุกคนก็เกิดคำถามว่า อนาคตของพรรคจะเป็นอย่างไร วันนี้พรรคเหมือนอยู่บนทางสองแพร่ง ว่าเราจะกลับไปใช้ระบบอุปถัมภ์ เราจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจ หรือว่าจะเรียกคืนจิตวิญญาณของพรรคให้กลับมาได้
เมื่อถามว่า ไม่ว่าแพ้หรือชนะจะทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปหรือไม่ น ส.วทันยากล่าวว่า เดียร์ต้องขอประเมินอีกครั้งหนึ่งอุดมการณ์ที่เราเชื่อที่ศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเหตุผลที่ทำให้เลือกมาทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ วันแรกที่ตัดสินใจมาพรรคประชาธิปัตย์กระแสของพรรคไม่ได้อยู่ในระดับที่ได้รับความนิยมเหมือนเดิม วันที่ตัดสินใจมาที่นี่ด้วยศรัทธาจริง ๆ
“แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่งพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแนวอุดมการณ์การที่ศรัทธา ก็ต้องพิจารณาว่าเราจะยังเหมาะสมกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ โดยจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ จนกว่าจะมั่นใจว่าวิถีของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เปลี่ยนไป และเดียร์ไม่ได้เป็นตัวแทนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้เป็นตัวแทนของใคร” น.ส.วทันยา กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าประชาธิปัตย์ยังติดค้างอะไรอยู่หรือเปล่า น.ส.วทันยากล่าวว่า ไม่ได้ติดค้างใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เดียร์มาที่นี่ด้วยความตั้งใจ ไม่เคยคิดว่าอยากจะไปไหน เรามาด้วยความตั้งใจว่าเราต้องการทำงานระยะยาว
“เดียร์ไม่ได้อยากจะเป็นนักการเมืองที่เปลี่ยนการเลือกตั้งทุก ๆ ครั้ง เปลี่ยนพรรคการเมืองไปเรื่อย ๆ เพราะเรามาด้วยอุดมการณ์ เดียร์ไม่ได้มาด้วยผลประโยชน์” น.ส.วทันยา กล่าว