เอกนัฏ วอนสภาผ่านงบ 67 ชมกลัดกระดุมถูกเม็ด ประเทศรอไม่ได้แล้ว 

03 ม.ค. 2567 | 11:39 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ม.ค. 2567 | 11:57 น.

เอกนัฏ พร้อมพันธ์ุ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการ รทสช. ชมเปราะกลัดกระดุมถูกเม็ด งบขาดดุล ตรงกับงบลงทุน วอนสภาฯ ผ่านงบ 67 ประเทศรอไม่ได้แล้ว สิ้นสุดวาทกรรมเรื่องเผด็จการและประชาธิปไตย

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ (3 ธันวาคม 2567) พิจารณา (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรก เป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเมื่อเวลา 13.10 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม

โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) อภิปรายว่า

"ตนขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกที่อยู่ในห้องประชุมร่วมพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 นี้ ขอให้คิดถึงพี่น้องประชาชน คิดถึงผู้ประกอบการ นึกถึงประเทศที่รอพวกเราอยู่ เพราะขณะนี้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่ถูกใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ 4 เครื่อง คือการบริโภค การลงทุน การส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเครื่องยนต์ตัวที่ 4 ถูกดับมา 3 เดือนแล้ว "

พร้อมระบุต่อไปว่า กว่าจะพิจารณางบประมาณฯเสร็จเรียบร้อยใช้เวลา 3-4 เดือน เครื่องยนต์เครื่องนี้จะถูกใส่เกียร์ว่างต่อไป ฉะนั้นในการอภิปรายจะมีสมาชิกได้แสดงความเห็นกันอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดเราต้องเร่งพิจารณาผ่านงบประมาณฉบับนี้ ให้มีเม็ดเงินออกไปใช้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศรอไม่ได้แล้ว

นายเอกนัฏได้กล่าวถึงสภาวะการณ์ที่เป็นปัญหาของโลก และประเทศไทยในปัจจุบัน อาทิ ยุคของโลกาภิวัฒน์ ,ปัญหาโควิด โรคอุบัติใหม่ ,การดิสรัปชั่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ,สังคมผู้สูงวัย สูงขึ้นทุก 10 ปี 7 - 10% ,ผลต่อประสิทธิภาพ ในผลผลิตของประเทศ ,การเปลี่ยนแปลงของอากาศ ที่กระทบภาคการเกษตร ,ปรากฏการณ์เอลนีโญ ,ผลกระทบจากสงคราม และความขัดแย้งในต่างประเทศ เป็นต้น

ฉะนั้น เครื่องยนต์ที่รอให้ติดในส่วนของการขับเคลื่อนภาครัฐ รวมถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ และปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่เราต้องเร่งพิจารณางบประมาณฉบับนี้เพื่อดันเงินออกไปใช้

นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า การใช้งบประมาณของประเทศมีการตั้งงบขาดทุนมาเป็นเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 2549-2550 มีการตั้งงบสำหรับใช้มากกว่ารายรับของประเทศ ส่วนต่างตรงนี้เรานำมาลงทุนด้วยความหวังที่ว่า จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตสร้างรายได้ให้กับประเทศ และในที่สุดก็นำรายได้เหล่านี้มาแบ่งปันในรูปแบบของสวัสดิการมาแจกจ่ายให้กับประชาชน คนไทยได้ใช้ 

สำหรับงบประมาณฉบับนี้ มีการตั้งงบขาดดุลไว้ 6.93 แสนล้านบาท ในส่วนงบลงทุน มีการตั้งไว้ 7.18 แสนล้านบาท แบบนี้มาถูกทางแล้ว เราตั้งงบรายจ่ายสูงกว่าเงินที่เรารับมาในสัดส่วนที่ตรงกับเงินที่นำไปลงทุนแบบนี้ตนถือว่า เริ่มติดกระดุมถูกเม็ด ติดกระดุมแบบนี้แปลว่า เราเห็นความสำคัญ ของการตั้งงบสำหรับการลงทุน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)

เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า ตนชวนเพื่อนสมาชิกให้คิดว่า ถ้าอยากให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพมีการลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้เราต้องเห็นความสำคัญในการใช้งบประมาณมากกว่าตัวเลข เราดูแค่งบเป็นตัวเลขไม่ได้ ยังมีกระทรวงและหน่วยงานอีกหลายหน่วย ที่ไม่ได้มีภารกิจมารับเป็นเงิน ไปตั้งงบประมาณเพื่อจะซื้อจัดจ้างมาสร้าง หรือใช้งบประมาณเท่านั้น มีหลายหน่วยงาน มีกระทรวงที่มีภารกิจเป็นการกำกับดูแล คือ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม 2 กระทรวงของพรรครวมไทยสร้างชาติรวมกันเพียง 7 - 8 พันล้านเทียบกับกระทรวงอื่นกระทรวงเดียวเป็นแสนล้าน น้อยที่สุดเมื่อเรียงลำดับในแต่ละกระทรวง

สำหรับรัฐบาลชุดนี้เราเห็นสัญญาณของการยุติความขัดแย้ง ผ่านการเลือกตั้งมา 2 รอบแล้วผมหวังว่า จะเป็นการสิ้นสุดวาทกรรมเรื่องเผด็จการและประชาธิปไตย ผมหวังว่าสส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล จะช่วยกันพิจารณาผลักดันผ่านงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน เราอยากมีเงินมาลงทุนกับคุณภาพชีวิต ให้กับประชาชน หวังว่าสส.ทุกท่านจะเปิดใจให้โอกาสกับประเทศ ขอให้สส.ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้ประชาชน และใช้โอกาสนี้ในการรวมมือกันทำงานไม่ใช่แค่พิจารณางบฯเท่านั้น แต่ต้องติดตามการใช้งบต่างๆให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ มีความโปร่งใส เกิดประโยชน์สูงสุด ผมมั่นใจว่าถ้าเราร่วมมือกันเราทำได้” นายเอกนัฎ กล่าว