การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ (3 ธันวาคม 2567) พิจารณา (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรก เป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเมื่อเวลา 13.10 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม
โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) อภิปรายว่า
"ตนขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกที่อยู่ในห้องประชุมร่วมพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 นี้ ขอให้คิดถึงพี่น้องประชาชน คิดถึงผู้ประกอบการ นึกถึงประเทศที่รอพวกเราอยู่ เพราะขณะนี้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่ถูกใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ 4 เครื่อง คือการบริโภค การลงทุน การส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเครื่องยนต์ตัวที่ 4 ถูกดับมา 3 เดือนแล้ว "
พร้อมระบุต่อไปว่า กว่าจะพิจารณางบประมาณฯเสร็จเรียบร้อยใช้เวลา 3-4 เดือน เครื่องยนต์เครื่องนี้จะถูกใส่เกียร์ว่างต่อไป ฉะนั้นในการอภิปรายจะมีสมาชิกได้แสดงความเห็นกันอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดเราต้องเร่งพิจารณาผ่านงบประมาณฉบับนี้ ให้มีเม็ดเงินออกไปใช้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศรอไม่ได้แล้ว
นายเอกนัฏได้กล่าวถึงสภาวะการณ์ที่เป็นปัญหาของโลก และประเทศไทยในปัจจุบัน อาทิ ยุคของโลกาภิวัฒน์ ,ปัญหาโควิด โรคอุบัติใหม่ ,การดิสรัปชั่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ,สังคมผู้สูงวัย สูงขึ้นทุก 10 ปี 7 - 10% ,ผลต่อประสิทธิภาพ ในผลผลิตของประเทศ ,การเปลี่ยนแปลงของอากาศ ที่กระทบภาคการเกษตร ,ปรากฏการณ์เอลนีโญ ,ผลกระทบจากสงคราม และความขัดแย้งในต่างประเทศ เป็นต้น
ฉะนั้น เครื่องยนต์ที่รอให้ติดในส่วนของการขับเคลื่อนภาครัฐ รวมถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ และปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่เราต้องเร่งพิจารณางบประมาณฉบับนี้เพื่อดันเงินออกไปใช้
นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า การใช้งบประมาณของประเทศมีการตั้งงบขาดทุนมาเป็นเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 2549-2550 มีการตั้งงบสำหรับใช้มากกว่ารายรับของประเทศ ส่วนต่างตรงนี้เรานำมาลงทุนด้วยความหวังที่ว่า จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตสร้างรายได้ให้กับประเทศ และในที่สุดก็นำรายได้เหล่านี้มาแบ่งปันในรูปแบบของสวัสดิการมาแจกจ่ายให้กับประชาชน คนไทยได้ใช้
สำหรับงบประมาณฉบับนี้ มีการตั้งงบขาดดุลไว้ 6.93 แสนล้านบาท ในส่วนงบลงทุน มีการตั้งไว้ 7.18 แสนล้านบาท แบบนี้มาถูกทางแล้ว เราตั้งงบรายจ่ายสูงกว่าเงินที่เรารับมาในสัดส่วนที่ตรงกับเงินที่นำไปลงทุนแบบนี้ตนถือว่า เริ่มติดกระดุมถูกเม็ด ติดกระดุมแบบนี้แปลว่า เราเห็นความสำคัญ ของการตั้งงบสำหรับการลงทุน
เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า ตนชวนเพื่อนสมาชิกให้คิดว่า ถ้าอยากให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพมีการลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้เราต้องเห็นความสำคัญในการใช้งบประมาณมากกว่าตัวเลข เราดูแค่งบเป็นตัวเลขไม่ได้ ยังมีกระทรวงและหน่วยงานอีกหลายหน่วย ที่ไม่ได้มีภารกิจมารับเป็นเงิน ไปตั้งงบประมาณเพื่อจะซื้อจัดจ้างมาสร้าง หรือใช้งบประมาณเท่านั้น มีหลายหน่วยงาน มีกระทรวงที่มีภารกิจเป็นการกำกับดูแล คือ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม 2 กระทรวงของพรรครวมไทยสร้างชาติรวมกันเพียง 7 - 8 พันล้านเทียบกับกระทรวงอื่นกระทรวงเดียวเป็นแสนล้าน น้อยที่สุดเมื่อเรียงลำดับในแต่ละกระทรวง
สำหรับรัฐบาลชุดนี้เราเห็นสัญญาณของการยุติความขัดแย้ง ผ่านการเลือกตั้งมา 2 รอบแล้วผมหวังว่า จะเป็นการสิ้นสุดวาทกรรมเรื่องเผด็จการและประชาธิปไตย ผมหวังว่าสส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล จะช่วยกันพิจารณาผลักดันผ่านงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน เราอยากมีเงินมาลงทุนกับคุณภาพชีวิต ให้กับประชาชน หวังว่าสส.ทุกท่านจะเปิดใจให้โอกาสกับประเทศ ขอให้สส.ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้ประชาชน และใช้โอกาสนี้ในการรวมมือกันทำงานไม่ใช่แค่พิจารณางบฯเท่านั้น แต่ต้องติดตามการใช้งบต่างๆให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ มีความโปร่งใส เกิดประโยชน์สูงสุด ผมมั่นใจว่าถ้าเราร่วมมือกันเราทำได้” นายเอกนัฎ กล่าว