อธิบดีกรมการข้าว แจงไม่ได้ทำผิดล่อซื้อ 'ศรีสุวรรณ'

30 ม.ค. 2567 | 11:25 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2567 | 11:28 น.

อธิบดีกรมการข้าว ยันวางแผนร่วมกับภรรยาล่อซื้อ 'ศรีสุวรรณ จรรยา' พร้อมปัดปรึกษารัฐมนตรีเกษตรไม่เกี่ยวข้องแต่ไปด้วยกันเพื่อให้เป็นพยาน ย้ำต้องการกู้ศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการคืนไม่ให้ใครเดือดร้อน

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว แถลงข้อเท็จจริงกรณี‘นายหมู’ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้พานางธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร ภรรยานำเงินไปมอบให้กับนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เมื่อวันที่28 พ.ย. 2566ว่า เกิดจากความรำคาญใจจึงตัดสินใจไปบ้านของนายศรีสุวรรณพร้อมกับ‘นายหมู’เพื่อเป็นพยานและเพื่อสอบถามว่าจะเอาอย่างไรไม่ได้ไปเคลียร์เรื่องจ่ายเงิน แต่ไปถามว่าทำไมต้องร้องเรียนซึ่งไม่ได้ผิดอะไรเมื่อคุยกันเข้าใจแล้ว จึงเดินทาง ตนเองแขวนพระอยู่เต็มอกพูดความจริงทุกอย่างไม่ได้ไปเจรจาเรื่องการจ่ายเงินจ่ายทองไม่เกี่ยวกัน

หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 2-3 สัปดาห์ กระทั่งนายศรีสุวรรณไปร้องกรมฝนหลวงแล้ววกมาที่กรมการข้าวซึ่งในคืนก่อนเกิดเหตุก็ได้รับการติดต่อมาว่าจะมาดื่มกาแฟด้วยจึงสั่งลูกน้องให้ติดกล้องวงจรปิดทั้งกรมการข้าวเพราะเจ็บมากมันเป็นใคร ประเทศไทยอยู่ได้ยังไง ถ้ามีคนประเภทนี้ จึงวางแผนกันเองไม่ให้ทีมงานรัฐมนตรีเดือดร้อน รวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ตายเป็นตาย ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ชีวิตเกิดครั้งเดียว ถ้าไม่ผิดอย่ามาแกล้ง เพราะตามข้อกฎหมายเมื่อเป็นข้าราชการ ถ้าผิดก็ต้องถูกสอบสวน แต่กรมสอบสวนก็ออกมาบอกแล้ว ว่า ไม่มี ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้และได้โทรไปกราบขอโทษรัฐมนตรีที่ไม่ได้บอกก่อน เพราะกลัวทีมงานนายเดือดร้อน เรื่องนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของข้าราชการคนหนึ่ง ทั้งกับตัวเองและครอบครัว

 

นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงินในวันที่ 28 พ.ย.2566 ก็ไม่รู้ว่าทนายคนนั้นไปพูดอะไร แต่ต้องฟังจากปากตน ต้องเขียนแบบที่ตนพูด ห้ามบิดเบือนถ้ามีนายศรีสุวรรณจะร้องทำไม ย้ำว่า เจอนายศรีสุวรรณแค่ครั้งเดียวก่อนที่จะเกิดเรื่อง หลังจากนั้นไม่ทราบ เพราะได้มอบหมายให้ภรรยาไปดำเนินการ

นายณัฏฐกิตติ์ ระบุว่าเหตุผลที่ทราบว่ามีการร้องเรียนถึงตัวเองเพราะมีจดหมายร้องเรียนเข้ามา แต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนจะไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมาในส่วน 3-4 โครงการที่ถูกกล่าวหาให้ไปตรวจสอบได้

 

ส่วนเรื่องการต่อรองจำนวนเงินจาก 3 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า มันแค้น ทำไมต้องทำตัวแบบนี้อีก ตนไม่ผิด เงินทั้งหมดตั้งใจล่อซื้อ สำหรับการล่อซื้อที่การกระทำหลายครั้งเพราะต้องมีหลักฐานชัดเจนแน่นหนา ไม่ได้ทำโดยพลการ

สำหรับกระแสข่าวว่ากรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับอดีตนักการเมืองชื่อย่อ ‘ป.ปลา‘ นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ใครผิดก็ว่าไปตามผิดส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีผู้ใหญ่โทรมาปรามไม่มีไม่ได้รับโทรศัพท์ใครทั้งนั้นและไม่รู้ว่า เบื้องหลังมีเกมการเมืองอะไรหรือไม่

เมื่อถามว่า มีการโยกย้ายงบประมาณของกรมการข้าวไปให้หน่วยงานอื่นดูแล ถือว่าผิดปกติหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า งบโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,000 ล้านบาทเป็นงบที่ไม่ได้ใช้ กรมการข้าวไม่ได้บริหารเองจึงต้องโอนไปให้ ธ.ก.ส.บริหารจัดการต่อ ซึ่งมีมติ ครม.ออกมาแล้ว