ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ช่วงหนึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจงในที่ประชุมสภา ตั้งข้อสังเกตว่า น่าเสียดายที่การอภิปรายของฝ่ายค้านบางคน มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดูเหมือนถูกลดความสำคัญลง เพราะใช้คำเหน็บ ส่อเสียด โวหารวาทกรรมต่าง ๆ ไม่ได้สร้างบรรยากาศในการช่วยกันคิดแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ ทำให้ข้อเสนอที่เสนอมาลดคุณค่าไปอย่างน่าเสียดาย แต่รัฐบาลจะทิ้งสิ่งที่เป็นกากและนำสิ่งที่เป็นแก่นมาใช้ประโยชน์ในการบริหารประเทศให้มากขึ้น
มีการกล่าวหานายกฯ เดินสายในต่างประเทศโดยใช้คำว่า "ไม่แน่ใจว่า ทำหน้าที่การตลาดหรือการตลก" เชื่อว่า ผู้อภิปรายรู้ดีว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา คณะรัฐประหารสร้างความเสียหายให้กับชาติโดยสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพยายามทำ คือการแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจหากมีความเชื่อมั่นก็จะยินดีที่จะร่วมลงทุนในไทยไทย
"ผมเสียดายและเสียใจนิดหนึ่ง แทนที่จะให้กำลังใจกัน กลับมากล่าวหาและสร้างความไม่เชื่อ ใจความไม่มั่นใจกันเสียเอง โดยไม่ได้คำนึงว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำ เจตนาและความพยายามทำทั้งหมดส่งผลดีอย่างไรกับประเทศ ความจริงอย่างน้อยข้อสรุปขั้นต้นที่ท่านได้เห็นบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศหลายประเทศมีการเซ็นเอ็มโอยู และมาเยี่ยมเยียนดูลู่ทางในการแก้ไขปัญหา
ท่านบอกว่าเศรษฐกิจยังมีปัญหาไปถึงไปชวนมาลงทุน อันนี้เป็นการโกหกตัวเองหรือเปล่าหรือหลอกตัวเอง เชื่อว่าท่านไม่เข้าใจพลวัตของความเปลี่ยนแปลงในประเทศ ความจริงประเทศเรามีวิกฤตและมีปัญหาจริง แต่สิ่งที่ดีของประเทศเรามีศักยภาพในการพัฒนา
นายกฯออกไปพูดว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเป็นประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน สิ่งเดิมที่เป็นปัญหาที่ต่างชาติไม่ยอมรับและมาคุย เป็นเรื่องของรัฐบาลประหาร วันนี้รัฐบาลประชาธิปไตยมาจากประชาชน
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านว่า รัฐบาลมีการคอรัปชั่น โดยยืนยันว่า ทุกเรื่องสามารถตรวจสอบได้ เพราะทุกอย่างอยู่ในสายตาประชาชนและสื่อมวลชน กระทรวงพาณิชย์ได้พิสูจน์ให้ได้เห็นว่า รัฐบาลสามารถทำงานได้โดยที่ไม่ใช้เงิน โดยได้นำผู้มีชื่อเสียงในซีรีย์วายมาร่วมโปรโมท ซึ่งไม่ได้ใช้เงินสักบาท แค่ใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งเทศบาล ตำรวจ โดยกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งมา 100 กว่าปี เพียงคืนเดียวสามารถเป็นที่รู้จักติดแฮชแท็กอันดับหนึ่งของโลก
เงินจำนวนมากที่รัฐบาลได้ใช้ไปก่อน เป็นงบประมาณเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการเกือบทั้งหมด ส่วนเงินลงทุนหรือเงินเก็บต่างๆยังไม่มี ขอฝ่ายค้านพูดอย่างตรงไปตรงมาและตรงกับข้อเท็จจริง อย่าพูดแค่เป็นพิธีกรรม
นอกจากนี้ ยังชี้แจงเรื่องการส่งออกในช่วงนี้เป็นช่วงย่ำแย่ว่า ในการส่งออกปี 2565-2566 ก่อนที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ การส่งออกติดลบ -3.7% และนับจากรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้น 4.8% และมูลค่าการส่งออกของไทยตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดียวกันเฉลี่ย +5.4% อีกทั้งรัฐบาลยังเปิดประตูตลาดใหม่และรักษาตลาดเดิม มีการเยือนประเทศคู่ค้าทางยุทธศาสตร์
หลังจากนายกรัฐมนตรีไปเยือนจีนและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เปิด ส่วนกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ตามไปเป็นเซลล์เก็บรายละเอียดจากนายกรัฐมนตรี ภายใต้การทำงานทีมประเทศไทย และทีมกระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม 6-7 เดือนที่ผ่านมา
การอภิปรายในครั้งนี้เป็นการอภิปรายให้ข้อเสนอแนะติติงและตั้งคำถาม ไม่ใช่ในลักษณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยต้องการให้ฝ่ายค้านตั้งใจช่วยกันเพราะประเทศชาติเป็นของทุกคนไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่ง และไม่ต้องการเห็นฝ่ายค้านใช้เวทีนี้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะอย่างไรก็สามารถร่วมงานกันได้ หากทำงานร่วมกันก็จะเกิดประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง นายชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ซึ่งประธานในที่ประชุมวินิจฉัยว่า ยังอยู่ในประเด็นการชี้แจง ซึ่งเป็นการชี้แจงตั้งแต่ประเด็นอภิปรายช่วงเช้าที่ผ่านมา