นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปราศรัยเนื่องในประเพณีสงกรานต์ 2567 ว่า เนื่องในโอกาสประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 ขอส่งความรัก ความปรารถนาดีและความสุขมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ
“สงกรานต์” เป็นประเพณีซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมอันงดงามของไทย ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาและเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน รื่นเริงที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา โดยสมาชิกในครอบครัวหรือชุมชนจะได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันในครอบครัวและชุมชน โดยใช้ “น้ำ” เชื่อมความสัมพันธ์ ลูกหลานจะรดน้ำดำหัวขอพร แสดงความกตัญญูกตเวทิตาและเคารพต่อบุพการี ญาติผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ตลอดจนปฏิบัติศาสนกิจ ทำบุญและอุทิศกุศลผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ
องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งทำให้ “เทศกาลสงกรานต์” ของไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีทุกแขนง และสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์หรือ Soft Power ของประเทศ โดยส่งเสริมให้สงกรานต์ของประเทศไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอันจะสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชน
อีกทั้งได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะรักษาและสืบทอดประเพณีสงกรานต์ ให้มีการปฏิบัติและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับยุคสมัย และทำให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่ประชาชนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้าน Festival ของโลก และพร้อมสำหรับการเป็น Festival Country ในอนาคต โดยสร้างสรรค์ให้เทศกาลสงกรานต์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นเทศกาลที่อยู่ในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวไทย และชาวต่างชาติ สามารถดึงดูดผู้คนจากทุกมุมโลกให้มาสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการเล่นน้ำที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น
“เนื่องในโอกาสประเพณีสงกรานต์และเทศกาลขึ้นปีใหม่ไทย พุทธศักราช 2567 ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ให้คงอยู่คู่สังคมไทย และเล่นสงกรานต์อย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย พร้อมทั้งขออวยพรให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนพร้อมทั้งครอบครัว ประสบแต่ความสุข มีความอบอุ่น มีความรัก ความสามัคคีตลอดไป สวัสดีวันสงกรานต์ครับ” นายกฯ กล่าว