โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราช 6 อดีตตํารวจ ประพฤติชั่ว-ทําผิดวินัยร้ายแรง

10 มิ.ย. 2567 | 11:54 น.

โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชฯ 6 อดีตข้าราชการตํารวจ ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ฐานประพฤติชั่ว-กระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากกระทําความผิดขณะรับราชการถูกลงโทษทางวินัย-อาญา

วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อดีตข้าราชการตํารวจ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ จํานวน ๖ ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา เนื่องจากได้กระทําความผิดในขณะรับราชการและถูกลงโทษทางวินัย และอาญา ตามข้อ ๖ ข้อ ๗ (๒) และ (๔) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังนี้

๑. นายปพนเดช นวลสี ขณะดํารงชั้นยศดาบตํารวจ ตําแหน่งผู้บังคับหมู่ (งานคดี) (สอบสวน) สถานีตํารวจนครบาลบางมด กองบัญชาการตํารวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อ ในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกเลย ตามมาตรา ๗๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก

๒. นายศิริมงคล กองสุข ขณะดํารงชั้นยศดาบตํารวจ ตําแหน่งผู้บังคับหมู่ งานจราจร สถานีตํารวจนครบาลธรรมศาลา กองบัญชาการตํารวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

 

ฐานกระทําการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๗๙ (๕) แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และเป็นผู้ต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานบุกรุกโดยมีอาวุธปืนในเวลากลางคืน และฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควร ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

                           โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราช 6 อดีตตํารวจ ประพฤติชั่ว-ทําผิดวินัยร้ายแรง

๓. นายสุพจน์ บุญทิพย์ ขณะดํารงชั้นยศดาบตํารวจ ตําแหน่งผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สถานีตํารวจนครบาลบุคคโล กองบัญชาการตํารวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๓ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุ อันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง กระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรง และกระทําหรือละเว้นการกระทําใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๗๙ (๑) (๒) (๕) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ 

และ เป็นผู้ต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก

๔. นายปริญญา จิตต์หาญ ขณะดํารงชั้นยศดาบตํารวจ ตําแหน่งผู้บังคับหมู่ งานสืบสวน สถานีตํารวจนครบาลบวรมงคล กองบัญชาการตํารวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และกระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๗๙ (๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติ ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และเป็นผู้ต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖ ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์ มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก

                         โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราช 6 อดีตตํารวจ ประพฤติชั่ว-ทําผิดวินัยร้ายแรง

๕. นายสมคิด กลิ่นบุญแก้ว ขณะดํารงชั้นยศดาบตํารวจ ตําแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ กองกํากับการอารักขา ๑ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตํารวจนครบาล ถูกลงโทษปลดออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

ฐานกระทําความผิดอาญาจนได้รับโทษจําคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก หรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาท หรือความผิด ลหุโทษ และกระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๗๙ (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗

และเป็นผู้ต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒ ฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควร ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก

๖. นายเอกอนันต์ พันธุ์วัฒนา ขณะดํารงชั้นยศดาบตํารวจ ตําแหน่งผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอํานวยการ ๒ กองบังคับการอํานวยการ กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกัน เป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือ โดยมีพฤติการณ์ อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติ ตามระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา ๗๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และเป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๓ (๒) ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

ทั้งนี้ บุคคลทั้ง ๖ ราย เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว

ประกาศ ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

คลิกดูจากราชกิจจานุเบกษา