ด่วน มติก.ตร. ดับฝัน "บิ๊กโจ๊ก" กลับสตช. คำสั่งออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกม.

26 มิ.ย. 2567 | 11:15 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2567 | 13:27 น.

ข่าวด่วน "มติก.ตร." 12 ต่อ 0 เห็นชอบ ตาม อนุก.ตร.วินัย ที่มี “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” เป็นประธาน ชี้ปม คำสั่ง ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมาย

วันนี้ (26มิ.ย.67) เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2567 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

โดยมีวาระสำคัญ การพิจารณาเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ กรณีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงวาระ เรื่องการพิจารณาผลสรุปการสอบสวนของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย (อนุ ก.ตร.) เรื่องให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มการประชุม ก.ตร.นายกรัฐมนตรีได้ใช้เวลาหารือนอกรอบกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง ประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะเดินเข้าห้องประชุมพร้อมกับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์

จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมว่า การประชุม ก.ตร. วันนี้ มีวาระสำคัญหลายเรื่องที่ต้องร่วมกันพิจารณาตามกรอบที่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติกำหนด พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายพิจารณาตามหลักกฎหมายและยึดเรื่องการคืนความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย

“ผมขอให้ที่ประชุมแห่งนี้ยึดมั่นในองค์กรโดยช่วยกันใช้ดุลพินิจพิจารณาตามหลักนิติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และตาม พ.ร.บ.ตำรวจแหงชาติ พ.ศ.2565 ด้วยความสุจริตและมีความรอบคอบ ระมัดระวังในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในวันนี้ โดยยึดหลักการคืนความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชนส่วนรวมจึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปครับ”นายกรัฐมนตรีกล่าว

ด้าน พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เปิดเผยว่า ไม่หนักใจกับการถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฟ้องหมิ่นประมาท มั่นใจว่าสามารถนำหลักฐานเข้าสู้ในกระบวนการยุติธรรมได้ เพราะถูกแต่งตั้งให้ตรวจสอบคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งอนุกรรมการตรวจสอบวินัย 19 คน มีมติเสียงส่วนใหญ่ว่าคำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมาย

พล.ต.อ.วินัย เชื่อว่าการฟ้องร้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นการฟ้องปิดปาก เพื่อป้องกันการลงมติในที่ประชุมเพื่อเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ สุดท้ายเรื่องนี้ต้องตัดสินโดยคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)

 

นายกฯกลับก่อน-ประชุมยังไม่จบ

โดยการประชุมหารือใช้เวลากว่า 2 ช.ม. จนกระทั่งเวลา 17.45 น. นายเศรษฐา เดินทางออกจากห้องประชุม ในขณะที่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อเจอผู้สื่อข่าว นายกฯโบกมือพร้อมกับระบุว่า ให้เลขาฯ ก.ตร.เป็นคนแถลง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่านายกฯไม่แถลงข่าวด้วยหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า “ไม่ครับ ให้เลขาฯเป็นคนแถลง เพราะการประชุมยังไม่จบ

โดยรายงานข่าวจากที่ประชุม เปิดเผยว่า มติที่ประชุมก.ตร. เอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เห็นชอบ ตาม อนุก.ตร.วินัย  ที่มีพล.ต.อ.วินัย ทองสอง เป็นประธาน ชี้ปมคำสั่ง ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย

 

ก.ตร.มีมติ 12:0 เห็นชอบให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน

พลตำรวจโท อนุชา รมยะนันทน์ เลขานุการ ก.ตร. ชี้แจงผลการพิจารณาการเซ็นคำสั่งให้พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน โดยมติที่ประชุมเสียงส่วนมาก 12:0 เห็นชอบในคำสั่งที่เซ็นให้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งสอดคล้องกับอนุกรรมการวินัยก่อนหน้านี้ที่มีความเห็นว่า พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์พ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เซ็นให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย จากมติ 14:1

พลตำรวจโท อนุชา ยังระบุอีกว่าในมติของ ก.ตร. เรื่องบิ๊กโจ๊ก ไม่ใช่เป็นการกดดันการทำงานของ ก.พ.ค.ตร.ที่จะมีการพิจารณาในภายหลังจากนี้ ซึ่งการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. เป็นอิสระ อีกทั้ง การพิจารณาของ ก.ตร. ไม่ได้มีอำนาจชี้ขาดในกรณีบิ๊กโจ๊ก เป็นเพียงการพิจารณาในส่วนของบริหารงานส่วนบุคคล แต่ในส่วนของอำนาจการชี้ขาดเป็นของ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งจะมีการพิจารณา 120 และขยายเพิ่มได้ 2 รอบ (รอบละ60วัน) แต่เชื่อว่าจะสามารถพิจารณาเสร็จในกรอบแรก

อีกทั้งในที่ประชุมมีการนำมติกฤษฎีกาในเรื่องของการตีความบิ๊กโจ๊กมาพิจารณาด้วย แต่พลตำรวจโท อนุชา ไม่ขอลงในรายละเอียดประเด็นดังกล่าว

ส่วนมติของ ก.ตร. จะสามารถให้ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำชื่อบิ๊กโจ๊กขึ้นทูลเกล้าฯ ให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ ประเด็นนี้ก็ขอไม่ขอตอบ เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจของ ก.ตร.

ส่วนกรณีที่ “บิ๊กต่าย” 1 ใน คณะกรรมการ ก.ตร.ไม่ได้มาร่วมลงมติในครั้งนี้ เนื่องจากอาจทำให้การพิจารณาไม่เป็นกลาง ซึ่งทางบิ๊กต่ายได้เสนอในที่ประชุมว่าของดเข้าร่วมพิจารณา เนื่องจากอาจเกิดความไม่เป็นธรรมซึ่งทางมติที่ประชุมก็เห็นชอบที่จะไม่ให้เข้าร่วม

และเมื่อคำสั่งตาม ก.ตร.ให้ บิ๊กโจ๊ก ออกราชการไว้ก่อนยังไม่สมบูรณ์ บิ๊กโจ๊ก จะสามารถกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งในฐานะรองผู้บังคับการตำรวจแห่งชาติได้อยู่หรือไม่นั้น พลตำรวจโทอนุชา ระบุว่า ในส่วนนี้เกินอำนาจหน้าที่ที่จะตอบได้ และ นอกเหนืออำนาจตัวเองที่จะพิจารณา

ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการบางคนถูกบิ๊กโจ๊กไล่ฟ้อง จะส่งผลให้ไม่สามารถเข้าพิจารณาได้ครบองค์ประชุมหรือไม่ พลตำรวจโท อนุชาระบุว่า เรื่องนี้ถือว่าไม่เป็นปัญหา และผู้ที่ถูกฟ้องสามารถเสนอเหตุผลในที่ประชุม ก.ตร. ว่าอาจจะทำให้การพิจารณาไม่เป็นกลางซึ่งทางคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้ออกจากการพิจารณาได้หรือไม่

และเมื่อถามว่าในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษในที่ประชุมหรือไม่ระบุสั้น ๆ ว่า ไม่ได้ระบุอะไรเป็นพิเศษแต่ให้เน้นย้ำถึงความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและยึดหลักกฎหมาย