วันนี้ (22 สิงหาคม 2567) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Nation TV Dinner Talk ช่วงการสัมภาษณ์พิเศษกับ 2 บก.เครือเนชั่น กรุ๊ป ตอนหนึ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าก่อนหน้านี้ได้คุยกันแล้วหรือไม่ โดยนายทักษิณ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยคุยกันเรื่องร่วมรัฐบาลกัน และได้คุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบ แต่หลังจากนั้นไม่ได้คุย และไม่ได้เจอ เพราะเขาไม่รู้จักแล้ว
"ที่ผ่านมาได้ตั้งเขาเป็นตั้งแต่แม่ทัพภาค 1 ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ. โดยจุดเริ่มต้นของความบาดหมางมาจากสมัยก่อนเขาเคยหนุนทหารคนหนึ่งมาเป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช. แต่ตนคัดค้าน เพราะเกรงว่าทหารคนนั้นจะรู้กฎหมายหรือไม่ ทำให้นายสุชน ชาลีเครือ ซึ่งเรียนหลักสูตร วปอ.กับ พล.อ.ประวิตร ไปบอกเขา เลยทำให้เขาโกรธตั้งแต่วันนั้น"
บก.เครือเนชั่น กรุ๊ป ถามนายทักษิณว่า แล้ววันนี้อยากบอกอะไร พล.อ.ประวิตร ซึ่ง นายทักษิณ ระบุแค่ว่า เราก็อายุมากกันแล้ว ฟังธรรมะซักหน่อย ใจเย็น จิตใจจะได้สงบ อยู่เมืองนอก 10 กว่าปี คดีถูกยัดให้ตน ทีแรกก็โกรธ ตอนหลังมาก็เฉย ๆ
ส่วนเรื่องมาตรา 112 ที่ถูกดำเนินคดีนั้น ยอมรับว่า นักข่าวเกาหลีมาสัมภาษณ์ ตนก็ไม่รู้ว่าจะอัดวีดีโอ คิดว่าอัดเทปเฉย ๆ ก็คุยกันไป เสร็จแล้วตนไม่เคยแตะเรื่องเจ้านายเลย คำว่า Circle ตำรวจตกภาษาอังกฤษหรือเปล่าไม่รู้ มันแปลว่า วงรอบ Center คือใจกลาง ตนไม่ได้พูด Center แต่ตนพูด Circle ยืนยันว่าไม่รู้ใครกดดัน คนกดดันยังอยู่ จะไปซัดในศาล เอาให้อยู่ มั่นใจเรื่องนี้จัดการได้ สบายมาก
บก.เครือเนชั่น กรุ๊ป ถามถึงดีลการตั้งรัฐบาลว่า มีพรรคประชาธิปัตย์ จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มาร่วม และเขามางานดินเนอร์ทอร์คด้วย โดยยอมรับว่าวันนี้ประเทศไทยต้องสามัคคีกัน เราแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรู ใครมีหน้าที่อะไร ก็ทำหน้าที่ตามนั้น มาเป็นศัตรูกันทำไม เราคนไทยด้วยกัน
บก.เครือเนชั่น กรุ๊ป ยังถามเรื่องวางบทบาทตัวเองหลังจากนี้จะวางตัวอย่างไร เพราะน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มานั่งเป็นนายกฯ นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ก็ต้องทำหน้าที่ช่วยคิด ช่วยเสนอแนะ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ และ โดยหน้าที่ของมีหน้าที่ว่า ไปพบสิ่งไหนต้องปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนดี ก็จะบอกนายกฯ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ และ ครม. ไม่ใช่เรื่องของตน
“ในฐานะพ่อต้องห่วงใยลูก ต้องช่วยลูก แต่ไม่เข้าไปก้าวก่ายหน้าที่การงาน ในสถานะความเป็นนายกฯ ถึงแม้เขาเป็นลูก แต่ต้องให้เกียรติสถานะที่เขาเป็นอยู่ เพราะลูกกับพ่อมีแต่เสริมกัน ไม่มีทางที่จะขัดกัน โดยให้เกียรติและเคารพในหน้าที่การงานกัน"