เปิดทรัพย์สิน"พรเพชร วิชิตชลชัย" รวย 63.4 ล้าน รับมรดกภรรยา 20 ล้าน

24 ก.ย. 2567 | 06:27 น.
อัพเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2567 | 06:32 น.

เปิดทรัพย์สิน"พรเพชร วิชิตชลชัย" อดีตประธานวุฒิสภา รอบ 10ปี รวย 63.4 ล้าน รับมรดกของภรรยา 20 ล้าน ครองที่ดินกลางกรุง 10.4ล้าน ส่วน 2 อดีตรองประธานวุฒิสภา "สิงห์ศึก” มี 57.4 ล้าน "ศุภชัย" 46ล้านบาท

วันนี้ (24 ก.ค. 67) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน นายพรเพชร วิชิตชลชัย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร และ นายศุภชัย สมเจริญ กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 67 

นายพรเพชร อดีตประธานวุฒิสภา  แจ้งสถานะคู่สมรสเสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 61  และตนเองมีทรัพย์สินรวม 63,440, 408 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 10 บัญชี 38,362,802 บาท  เงินลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้และหุ้นสหกรณ์ 7,284,654 บาท

ที่ดิน 4 แปลง 12,256,200 บาท โดย 3 แปลงอยู่ใน จ.ปทุมธานี และอีก 1 แปลงเนื้อที่ 1 งาน 41 ตารางวาใน ต.คลองสาน (บางลําภูล่าง)กรุงเทพฯ ระบุมูลค่า 10,456,200 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านพัก 2 ชั้น 2 หลัง เขตคลองสาน กทม.รวม 976, 752 บาท 

ยานพาหนะเป็นรถยนต์ mercedes benz และ toyota camry รวม 2.58 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 1.98 ล้านบาทอาทิ  แหวนเพชร รวม 3 กะรัต 2 รายการมูลค่า 300,000 บาทมรกต 6 ชิ้น 1 รายการมูลค่า 60,000 บาทกำไลพลอย และเพชรซีก 2 ชิ้น 1 รายการ มูลค่า 30,000 บาท

 แหวนแกมเพชร 1 วงมูลค่า 80,000 บาท เหรียญทองคำเฉลิมพระเกียรติ 3 รายการ มูลค่า 90,000 บาท เหรียญทองคำเฉลิมพระเกียรติประดับเพชร 4 รายการ 160,000 บาท นาฬิกา patek philippe 1 รายการ มูลค่า 800,000 บาท และ แจ้งไม่มีหนี้สิน

นอกจากนี้ แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 24,405,859 บาท แบ่งเป็นเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 74,420 บาท เป็นระยะเวลา 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.)520,940 บาท เงินเพิ่มเดือนละ 54,500 บาท เป็นระยะเวลา 7 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) 381,500 บาท 

เบี้ยประชุมในตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานรัฐสภาระยะเวลา 6 เดือน (มค.-มิ.ย.) 186,400 บาท เงินบำนาญสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นระยะเวลา 12 เดือน (ม.ค.-ธ.ค.) 645,656 บาท 

รับมรดกของคู่สมรสปี 2560 รวม 20,671,363 บาท มีรายจ่ายต่อปีรวม 1,474,000 บาท เป็นค่าอุปโภคบริโภค 360,000 บาท ค่าน้ำ ค่าไฟ 180,000 บาท  ค่าโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต 30,000 บาท ค่าน้ำมันรถ 240,000 บาท ค่าบำรุงรักษารถยนต์และประกันภัย 150,000 บาท ค่าจ้างแม่บ้านรับใช้ 264,000 บาท เงินบริจาค 100,000 บาท อุปการะน้องและหลาน 50,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 100,000 บาท

ทั้งนี้หลังรัฐประหารของคสช. นายพรเพชร ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อปี 2557 -2562 ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานวุฒิสภา เมื่อ 28 พ.ค.62 ซึ่งครั้งเข้ารับตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อปี 57 ได้แจ้งต่อป.ป.ช.มีทรัพย์สินหนี้สินรวม 48 ,536,225 บาท ไม่มีหนี้สิน 

ต่อมาได้เข้ารับตำแหน่งประธานวุฒิสภาในปี 62 ได้รับการยกเว้นจากพ.ร.ป.ป.ปช.มาตรา 105 ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ดั้งนั้น เมื่อเทียบทรัพย์สินที่ นายพรเพชร เคยแจ้งไว้ปี 57 กับที่แจ้งคราวพ้นจากตำแหน่งสว. ครั้งนี้ ระยะเวลา 10 ปี ที่ นายพรเพชร ดำรงตำแหน่ง มีทรัพย์สินเพิ่ม 14,904,183 บาท

ส่วน พล.อ.สิงห์ศึก อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 แจ้งว่า ตนเองและนางศรีสุดา สิงห์ไพร คู่สมรส  มีทรัพย์สินรวม 57,456,629 บาท ไม่มีหนี้สิน

แยกเป็นทรัพย์สินของ พล.อ.สิงห์ศึก 30,563,491 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 6 บัญชี 9,570,276 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 4,954,240 บาท  ที่ดิน 11 แปลงใน จ.เชียงราย สระบุรี สิงห์บุรี รวม 10,573,975 บาท  โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง 3.65 ล้านบาท ยานพาหนะ 1.52 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 295,000 บาท

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี 3,049,611 บาท แบ่งเป็น เงินบำนาญ 843,144 บาท เงินประจำตำแหน่ง 878,880 บาท เงินเพิ่มสว. 510,000 บาท เบี้ยประชุม 296,500 บาท รายได้จากการขายห้องชุด 25,000 บาทขายรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ 200,000 บาท ขายจักรยานยนต์เวสป้า 15,000 บาท

ดอกเบี้ยจากตราสารด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 51,419 บาท ดอกเบี้ยจากหุ้นกู้บริษัทกัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด มหาชน29,668 บาท มีรายจ่ายต่อปีรวม 1.15 ล้านบาท

ส่วน นางศรีสุดา มีทรัพย์สินรวม 26,893,138 บาท เงินฝาก 8 บัญชี 5,859,018 บาท เงินลงทุน 4,792,170 บาท ที่ดิน 8 แปลง ใน จ.สิงห์บุรีและกรุงเทพมหานคร รวม 9,693,950 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2หลัง 5.2 ล้านบาท ยานพาหนะ 850,000 บาท 

ทรัพย์สินอื่น 498,000 บาท และแจ้งมีรายได้ต่อปี รวม 749,474 บาท แบ่งเป็นเงินบำนาญ 617,217 บาท ดอกเบี้ยหุ้นกู้บริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัดมหาชน 6,647 บาท เงินปันผลสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงแรงงาน 98,136 บาท ดอกเบี้ยหุ้นกู้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 27,473 บาท มีรายจ่ายต่อปีรวม 288,000 บาท

สำหรับทรัพย์สินของทั้งคู่ สร้อยคอพระเครื่อง 5 องค์มูลค่า 90,000 บาทเหรียญพระราชทาน 4 รายการระบุประเมินค่ามิได้ ปืนพกสั้น และปืนลูกซองยาวรวม 5 กระบอก มูลค่า 100,000 บาท แหวนเพชรเม็ดเดียวกัน 1 วงมูลค่า 120,000 บาท สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3.79 บาท 1 เส้นมูลค่า 54,000 บาท สร้อยคอและต่างหูทองคำดูไบน้ำหนัก 2.5 บาทมูลค่า 30,000 บาท เป็นต้น

ขณะที่ นายศุภชัย อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 แจ้งว่า ตนเองและ นางแน่งน้อย สมเจริญ คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 46,149,113 บาท ไม่มีหนี้สิน  

แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายศุภชัย 24,125,918 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 7 บัญชี 16,057,262 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 6,320,656 บาท ที่ดิน 1 แปลงในอ.เสนา จ.อยุธยา 800,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 948,000 บาท 

แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 3,384,713 บาท แบ่งเป็น จากเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่ม 1,388,880 บาท เงินบำนาญ 811,288 บาท เบี้ยประชุม 157,800 บาท เงินปันผลสหกรณ์ออมทรัพย์ 111,078 บาทดอกเบี้ยเงินฝาก 308,817 บาท เงินปันผลกองทุนรวม 10,848บาท เงินคืนประกันชีวิต 396,000 บาท 

ขายรถยนต์ยี่ห้อ lexus 200,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 905,396 บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค 400,000 บาท ท่องเที่ยว 300,000 บาทเงินบริจาค 205,396 บาท

ส่วนนางแน่งน้อย มีทรัพย์สินรวม 22,023,194 บาท  แบ่งเป็นเงินฝาก 3 บัญชี 9,034,784 บาท, เงินลงทุน 2,440,409 บาท ที่ดิน 3 แปลงในเขตบางกรวยกรุงเทพฯ รวม5.53 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3.8 ล้านบาทยานพาหนะ 250,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 968,000 บาท

และแจ้งมีรายได้ต่อปี 964,676 บาท แบ่งเป็นเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่ม 228,000 บาท เงินบำนาญ 374,784 บาท เงินปันผลสหกรณ์ออมทรัพย์ 94,910 บาท ดอกเบี้ยเงินฝาก 166, 982 บาท เงินคืนประกันชีวิต 100,000 บาท มีรายจ่ายต่อปีรวม 719,599 บาท  เป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค 350,000 บาท ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 300,000 บาท เงินบริจาค 69,599 บาท

สำหรับทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจของทั้งคู่ อาทิ นาฬิกา ข้อมือ 4 รายการมูลค่า 410,000 บาท 

แหวนทองคำหัวพลอยล้อมเพชร 4 รายการมูลค่า 250,000 บาทอาวุธปืนสั้น 1 รายการมูลค่า 10,000 บาท แหวนทองคำหัวเพชรและพลอย 13 รายการมูลค่า 300,000 บาท พระเลี่ยมทองคำ 67 รายการประเมินค่าไม่ได้ จี้ทองล้อมเพชรทับทิมหยก 6 รายการมูลค่า 102,000 บาท สร้อยข้อมือทองคำ 10 รายการ มูลค่า 150,000 บาท นาฬิกาข้อมือ 1 รายการมูลค่า 120,000 บาท