วันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะวิทยากรพิเศษ กล่าวปาฐกถา "โครงการเสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง" ในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทย ว่า
“ต้องขอบคุณเพราะมีโพเดียมให้เกาะ เนื่องจากอายุ 75 ปีแล้ว ยืนพูดแบบ นายเศรษฐา คงไม่ไหว นั่งอยู่ข้างล่างตอน นายกฯ แพทองธาร พูดก็คิดว่าทำไมลูกเราพูดเก่งขึ้น ดีใจที่ได้มาพูดคุยกันหลังจากที่เราไม่ค่อยได้พูดกันตัวเป็นๆ มานาน
วันนี้ก็ได้กลับมาเมืองไทย คิดว่าคงจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองไม่มากก็น้อย เพราะเวลาเหลือไม่นานแล้ว 75 แล้ว ผมเป็นคนคิดบวก พูดเล่นอะไรก็อย่าแปลกใจ ที่บอกขออีก 40 ปี ก็จะเจรจากับพระเจ้าในประเทศไทย ว่าขอเวลาอีก 17 ปีที่หายไป”
นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ทรัมป์ กลับมา มีคนบอกว่าอเมริกาจะจัดการกับเรา เนื่องจากเราได้เปรียบดุลการค้าจากเขา เราต้องระวังเรื่องการขึ้นภาษี
ส่วนกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้หนี้อเมริกาจากบิตคอยน์ ที่พูดไม่ใช่จะให้ซื้อ แต่เทรนด์เป็นอย่างนั้น เงินคริปโทหลายสกุลออกมาแล้ว มีคนบอกว่าอีกหน่อยเราจะมีสกุลเงินมากกว่าจำนวนประเทศ
“วันนี้คนไทยต้องคิด จะรู้ทันมันให้ได้ นายกฯ อาจจะมอบให้ทางกระทรวงการคลังศึกษา เพื่อรับบิตคอยน์ได้หรือไม่ ใช้แซนด์บ็อกซ์ เช่น จ.ภูเก็ต ใช้บิตคอยน์ เพื่อให้คนถือบิตคอยน์มาใช้เงิน
อีกเรื่องที่น่าติดตามคือ เหรียญที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน นายกฯ อาจจะให้กระทรวงการคลังศึกษา ด้วยการออกคอยน์ โดยมีบอนด์ของรัฐบาลค้ำประกัน เพื่อทำให้เงินไหลเวียนในเศรษฐกิจ ถ้าทำแบบนี้เชื่อว่า จีดีพีปีหน้า 3.5 ไม่น่าจะมีปัญหา ปี 69 จีดีพี 4.0 ไม่น่าจะมีปัญหา”
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้เม็ดเงินในเศรษฐกิจเราโดนดูดออกหมด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไม่ออกกู้ เราต้องหาเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาของประเทศ
"วันนี้หนี้สาธารณะเราเยอะมาก เราต้องทำให้จีดีพีเติบโต และลดการขาดดุล เพื่อทำให้หนี้สาธารณะลดลง พรรคเพื่อไทยเราต้องทำให้ได้ โดยปีหน้าจะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทย
วันนี้งบประมาณปีหน้าเป็นปีที่เราจะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ ต้องกดหนี้สาธารณะลงให้ได้ ต้องให้รัฐวิสาหกิจที่มีหนี้เยอะออกพ้นจากรัฐวิสาหกิจ เอาเอกชนมาลงทุนแทนรัฐ เช่น การลงทุนป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เราก็ต้องหาทางทำ แต่จะทำอย่างไร ถ้ารัฐไม่มีเงิน งบลงทุนมันต่ำ ก็ต้องให้เอกชนมาลงทุน"
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่าเอกชนต้องคิดว่าเขาจะทำประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ ต้องไปดูตรงนี้ วันนี้เราพูดเรื่องการผูกขาด เรื่องไฟฟ้า เรามีหน่วยงานของรัฐ แต่ทุกคนต้องมีสวัสดิการของตัวเอง ทำให้ค่าไฟฟ้าของเรามีราคาแพง เราไม่ควรเห็นเลข 4 บาท เลข 3 บาทปลาย ก็ไม่ควรเห็น ต้องอยู่ 3 บาทกลางๆ เพราะประชาชนอยู่ไม่ได้
"สองวันก่อนมีการเอากฎหมายเข้า ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันซิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่า ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน
ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีค่อยๆ หลบออกไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา"
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยแปลกอย่างหนึ่งคนไม่มีอาชีพ มีฐานะดีกว่าคนมีอาชีพ แสดงว่าคนไทยไม่อยากมีเรื่อง ใครหาเรื่องก็ปิดปาก ถ้าสรรพากรได้ยิน ป.ป.ง.ได้ยิน ก็ไปตรวจสอบ บางคนเมีย 3 ลูก 5 ไม่ได้ทำอาชีพอะไร บางคนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศทั้งที่อาชีพไม่มี
"บางคนถึงเวลาต้องไปหยอดเหรียญ ถ้าไม่หยอดก็รวน มันพอได้แล้ว ร้องไปร้องมาคนไม่เชื่อมั่นประเทศไทย ตอนที่ผมโดน นักลงทุนต่างประเทศมาพบ ถามว่าวิตกไหม ผมบอกว่าเราเปิดช่องให้ใครก็ไม่รู้มาร้อง บางคนไม่เกี่ยวข้องก็มาร้อง
คนไทยเรามันเจ้าคิดเจ้าแค้น 17 ปีโดนเล่นงานมา ยกหูหาก็จบนะ จะจบก็ต้องจบ ไม่จบก็ไม่เป็นไร เตะกันคนละทีจะเป็นไร ไม่อยากเสียเวลายาว เสียมา 17 ปีพอแล้ว เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล
ต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาลคือ ต้องทำ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้วไม่เอาแล้ว รัฐบาลเป็นกลไกประชาธิปไตย มีหลายออปชัน อยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนั้นไม่สวยเลย วันนี้ที่หายไปตอน พ.ร.ก.เข้า ไม่ใช่เรื่องภาษี มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้รู้ว่าการทำงานร่วมกันง่ายมาก"
นายทักษิณ ยืนยันด้วยว่า “ผมไม่ได้ครอบงำนายกฯ ใครมีลูกสาวจะรู้ว่าพ่อกับลูกสาวคนเล็ก มันแพ้ทางกันอยู่ ผมนี่ถูกใช้นะ พ่อทำโน้นให้หน่อย ทำนี่ให้หน่อย เงินเดือน 700 นะ เป็นผู้ช่วยหาเสียงวันละ 300 แต่ตอนนี้งานชุกหน่อย ศรีสะเกษ ก็เตรียมตัวไว้ เชียงใหม่ มีตังค์หรือเปล่า ช่วงเลือกนายก อบจ. อาจจะรวยหน่อย”
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงประเด็นเอ็มโอยู44 ไทย-กัมพูชา ว่า สมัยที่ตนเป็นนายกฯ เป็นการเซ็นร่วมกันระหว่างรมว.ต่างประเทศไทยกับกัมพูชา สมัยตนเป็นนายกฯ เรื่องที่เราคุยกันไม่ได้ คือ เรื่องการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศที่ไม่ตรงกัน ซึ่งต้องอ่างกฎหมายระหว่างประเทศ
ส่วนเรื่องเกาะกูดที่คนบอกจะเอาไปให้เขา คนพูดไม่ได้ดูเนื้อหาสาระ เกาะกูดเป็นของไทยตั้งนานแล้ว อยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศษ มันชัดเจนแล้วแต่วิธีลากเส้นของกัมพูชามันไม่ถูก เรามั่นใจวิธีเราถูกกว่า แต่สุดท้ายไม่เป็นไรเรามาคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลงว่าคืออะไรกันแน่ แค่วางกรอบ แต่วันนี้โวยวายกันใหญ่
"ต้องถามว่าพลังงานที่อยู่ในทะเลอีกสัก 20 ปีใช้ไม่ได้แล้ว อีก 20 ปีจะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้สัก 4 ล้านๆ บาท ถ้าตกลงกันได้ ซึ่งมี 2 ส่วน คือ ผลประโยชน์ในทะเลและบนบก ที่ไม่มีปัญหา ทำให้ยังไม่จบ ต้องคุยกัน
การปักปันเขตแดนทุกด้านมีปัญหาหมด แต่เราอยู่ร่วมกันอย่างนี้ เพียงแต่เรื่องเขตแดนมันไม่จบ ต้องคุยกันด้วยหลักสากล เรื่องนี้คือ ตกลงจะคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลง อย่าเพิ่งโวยวาย ไม่มีใครขายชาติหรอก ถ้าขายคนเฮงซวยพอคุยได้ แต่คงไม่มีคนเอา"
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ยืนยันเรื่องบนบกไม่ต้องเถียงจบไปนานแล้ว เหลือแต่เส้นทางทะเล แต่วันนี้เถียงกันแทบตายแต่คนที่ได้ประโยชน์คือคนที่ได้สัมปทานเดิม
“การเป็นเพื่อนดีกว่าเป็นศัตรู แต่หลักการประเทศต้องมาก่อน ไม่ใช่เป็นเพื่อนแล้วบอกยกประเทศให้เพื่อนอันนั้นมันควายแล้ว”