จากกรณีชาวต่างด้าวสัญชาติอิสราเอลก่อความเดือดร้อน สร้างปัญหาให้กับหมอและพยาบาล ที่โรงพยาบาลปาย จ.แม่ฮ่องสอน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (18 ก.พ.68) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยกรณีเพิกถอนการอนุญาตการให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวสัญชาติอิสราเอล ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลปาย จ.แม่ฮ่องสอน
กรณีดังกล่าว สตม. ได้ดำเนินการผลักดันตัวคนต่างด้าวทั้ง 4 ราย ออกนอกราชอาณาจักรไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2568 โดยเที่ยวบิน LY084 สุวรรณภูมิ-อิสราเอล
ทั้งนี้คนต่างด้าวทั้ง 4 ราย มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า เป็นภัยต่อสังคม คุกคามการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เชื่อฟังคำแนะนำและข้อห้าม และพยายามบุกรุกเข้าไปในบริเวณพื้นที่ ต้องห้ามของบุคลากรทางการแพทย์
จนต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีใน ข้อหา “ ร่วมกันก่อความเดือดร้อน ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำการให้ได้รับความอับอาย“ และถูกเปรียบเทียบปรับไปคนละ 3,000 บาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าลักษณะต้องห้าม ตาม มาตรา 12(7) และ หลักเกณฑ์การบันทึกรายชื่อ บุคคลต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร
โดย ผบก.สส.สตม. ได้มีคำสั่งลงวันที่ 11 ก.พ.2568 บันทึกข้อมูล เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร
พล.ต.ท.ภาณุมาศ ย้ำว่ าพฤติกรรมเช่นนี้ น่าเชื่อว่าจะเป็นภัยต่อสังคม เพราะในอนาคตอาจจะไปก่อเหตุร้าย เนื่องจากไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายไทย
“ไม่เฉพาะชาวอิสราเอล เราไม่ได้เลือกเฉพาะเจาะจงสัญชาติใด สัญชาติหนึ่ง แต่ชาวต่างชาติทุกราย ที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม จะต้องดูดำเนินการตามกฎหมายและผลักดันออกนอกประเทศทุกราย”
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับให้ สตม.เพิ่มความเข้มในมาตรการการควบคุมการเข้าออก และการอยู่ในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติ ขอให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ หากพบเบาะแสให้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ตม.ทราบได้ทันที