วันนี้ (24 มีนาคม 2568) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระญัตติขอเปิด "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 วันแรก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ใช้สิทธิอภิปรายในฐานะสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน
โดยก่อนเข้าสู่เนื้อหาอภิปราย ปรากฎว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า พล.อ.ประวิตร ไม่เคยเข้าร่วมประชุมสภา จะถือว่าขาดคุณสมบัติการอภิปรายหรือไม่ แต่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม วินิจฉัยว่าพล.อ.ประวิตรใช้สิทธิในฐานะสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติ ก่อนที่จะให้พล.อ.ประวิตรอภิปรายต่อไป
พล.อ.ประวิตร เริ่มต้นการอภิปรายว่า ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมสส.พรรค ได้เข้าชื่อเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปอีก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ประเด็นแรก การดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ผิดพลาดล้มเหลววันนี้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เกิดความทุกข์ยากทุกข์หัวระแหง ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขตามที่รัฐบาลได้ให้สัญญา พนักงานถูกเลิกจ้างบริษัทห้างร้าน ปิดกิจการจำนวนมากการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดผิดที่ผิดทางประชาชนเกิดปัญหาหนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104% ราคาข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดำดิ่ง เศรษฐกิจไทยมืดมน และรัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่มีมาตรการใด ๆ มาแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชน
"จริง ๆ ผมให้กำลังใจนายกฯ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องได้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรีเคยบริหารด้านธุรกิจมาก่อน คงมีประสบการณ์ที่จะมาช่วยประเทศชาติได้บ้าง แต่ปรากฎว่า นายกฯ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลังไปอีก จนจีดีพีของไทยรั้งท้ายในอาเซียน"
ที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจด้วยการตัดงบประมาณนับแสนล้านบาท ที่ควรจะอัดฉีดเข้าสู่เศรษฐกิจ แต่นายกฯกลับเอาเงินก้อนนี้ไปแจกเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลก และกองทุนไอเอ็มเอฟได้ออกมาเตือนแล้วว่า การแจกเงินหมื่น ไม่ได้ผล ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่าง ๆ แทน
ถ้านายกฯ ได้ศึกษาข้อมูลด้านเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน วันนี้คนไทยคงจะไม่ลำบากทุกข์ใจในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัสเช่นนี้ ท่านจะนำพาประเทศให้รอดพ้นปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
ประเด็นต่อมา พล.อ.ประวิตร อภิปรายว่า ห่วงประเทศชาติเป็นอย่างมากและไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง คือเรื่อง MOU44 ที่วันนี้ท่านพาประเทศชาติต่อความสูญเสียทรัพยากรทางทะเลมูลค่ามหาศาล ที่น่าเศร้าใจคือลูกเรือไทยที่นายกฯรับปากว่าจะนำกลับมาแต่วันนี้ผ่านมา4เดือนแล้วก็ยังไม่ได้กลับ
ทั้งนี้ในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงมาทั้งชีวิตในฐานะผบ.ทบ. รองนายกฯด้านความมั่นคง และรมว.กลาโหม ทราบดีว่างานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ในหลายๆมิติเป็นอย่างมาก จึงเห็นใจนายกฯ ต้องมาตัดสินใจในเรื่องที่ไม่มีประสบการณ์ แต่เรื่องความมั่นคงของชาติสำคัญอย่างยิ่ง ประเทศชาติไม่ใช่เวทีที่จะให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือได้
ประเด็นที่สาม เห็นว่า การบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลพยายามที่ผลักดัน ทำให้มีช่องทุจริตเชิงนโนบาย เอื้อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
จึงขอย้ำว่า กาสิโนจะนำชาติไปสู่หายนะอันตรายอย่างที่สุด เพราะจะทำให้สังคมอ่อนแอ และเกิดธุรกิจสีเทาติดตามมาอีกจำนวนมาก ซึ่งทุกวันนี้การปล่อยปะละเลยส่งผลให้ไทย กลายเป็นแหล่งฟอกเงินธุรกิจสีเทา ปัญหายาเสพติด อาชญากรรรม และพนันออนไลน์มากมายอยู่แล้ว
พล.อ.ประวิตร ระบุว่า อีกประเด็นสำคัญ คือประเด็นขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ(5) ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เรื่องการถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ จำกัด ทั้งที่รู้ว่าเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ไม่ควรแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิด นอกจากนั้นยังปล่อยปะละเลยให้บุคคลในครอบครัวมากระทำให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตามการที่บุคคลในครอบครัวของนายกฯ ได้เรียกแกนนำพรรคการเมืองไปพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้าและบุคคลในครอบครัวทำตัวมีอิทธิพลเหนือพรรค ส่อไปในทางครอบงำหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบต่อไป และผลจะเป็นอย่างไรเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินทั้งหมด และที่กล่าวมาไม่ใช่กล่าวหาด้วยความอคติ แต่ตามหลักฐานข้อเท็จจริงทุกประการ
"ผมขอขอบคุณทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะท่านนายกฯ ประชาชนที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่ม ๆ ผมจึงใช้ใจบันดาลแรงบริหารประเทศให้สำเร็จมากได้หลายอย่าง ส่วนนายกฯเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรง เชื่อว่าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญามีความอ่อนน้อม มีความหนักแน่นในหลักการยึดผลประโยชน์ประเทศมากกว่าครอบครัวและพวกพ้อง ประชาชนจะชื่นชมและยอมรับท่านเอง"
ทั้งนี้เมื่อพ.อ.ประวิตร อภิปรายเสร็จสิ้น ได้มีเสียงปรบมือดังขึ้นในห้องประชุม แต่ประธานสภา ได้กล่าวขึ้นว่า ไม่ต้องปรบมือ จากนั้น น.ส.แพทองธาร จึงลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ได้ฟังหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐผู้อาวุโสพูด จับเวลาได้ประมาณ 10 นาที ซึ่งที่ส.ส.อาวุโสที่พูดไป "ไม่เป็นความจริงค่ะ ขอบคุณค่ะ"
ภาพ โสภน สุเสนา (Sopon Susena)