วันนี้(17 ม.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแกนนำพรรค ได้เป็นประธานการแถลงข่าว เปิดนโยบายของพรรค พปชร. เพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง โดยชูนโยบาย เพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และพร้อมเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่ พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ1.5 แสนล้านบาท
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาท/เดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส. พบว่า เงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน
ดังนั้น เสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิ ทำให้ประเมินว่าควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลืออีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกและคุณสมบัติผู้รับสิทธิยังคงยึดกรอบเดิมเป็นหลัก คือ รายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท และนำคนที่เคยได้รับสิทธิตามบัตรมาพิจารณา โดยจะเริ่มจากเดือนละ 700 บาท ทันทีหลังจากที่พรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปบริหารประเทศ
พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่า จากการที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติเป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้ง สังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและในช่วงที่ผ่านมา
พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมงและอื่นๆ ที่มากมาย
ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีความแตกแยกทางความคิด
"ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคนโดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข"
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ ทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า “พลังสามัคคีประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ”
ผู้สื่อข่าวถามได้สอบถาม พล.อ.ประวิตร ว่า พร้อมที่จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า "ก็เลือกมาดิ ถ้าเลือกได้ก็เป็น ถ้าประชาชนเลือกได้ให้ผมเป็น ผมก็เป็น" ทันทีที่สิ้นคำตอบบรรดาแกนนำพรรคต่างส่งเสียงเฮกันดังลั่นห้อง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าพร้อมจับมือกับทุกพรรคการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “เราก้าวข้ามความขัดแย้ง ผมไม่ได้บอกว่า ผมจะจับมือกับใครเลย ทุกพรรคเรามาคุยกันได้ เปิดโอกาสให้คุยกันได้”