27 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อไทยท่ามกลางผู้สนับสนุนในชุมชนเคหะออเงิน เขตสายไหม โดยได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้การสนับสนุนตนในมาโดยตลอดจนได้เป็นผู้แทนฯในเขตสายไหมมานานกว่า 16 ปี เพราะทุกคนมีหัวใจ
มีจุดยืน และอุดมการณ์เดียวกัน คือ ความเสียสละต่อบ้านเมือง อยากเห็นประเทศเดินต่อไปข้างหน้าอยากเห็นคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีและพ้นจากความยากจนซึ่งเป็นปณิธานของบิดา คือ น.ต.ฐิติ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคสามัคคีธรรมแต่ก็ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จโดยเฉพาะในภาคอีสานถึงแม้จะมีประชากรและมี ส.ส.ในสภามากที่สุด
น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุถึงเหตุผลที่ยอมทิ้งการรับราชการทหารอากาศ ซึ่งเป็นอาชีพที่ตัวเองรักและมีความก้าวหน้าออกมาเป็นนักการเมืองเพราะหวังจะสานต่อปณิธานของบิดาให้สำเร็จและด้วยคำชักชวนของ น.ต.ศิธา ทิวารี ภายใต้สังกัดพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการการเลือกตั้งกทม.ที่ให้โอกาสได้ลงสมัคร ส.ส.ในปี 2550
"ผมคิดว่า มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตยและรับใช้พี่น้องประชาชน" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวพร้อมระบุว่า สิ่งที่ตั้งใจทำให้สำเร็จอีกข้อ คือ การตรวจสอบการบริหารราชการเพื่อหยุดการคอร์รัปชันเพราะมองว่า บ้านเมืองถูกกัดกร่อนจากเรื่องนี้ตลอดชีวิตการเมือง
ตนไม่เคยโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือถูกตรวจสอบว่า มีการทุจริตคอรัปชันเลยแม้โครงการแท็ปเล็ตที่มีงบประมาณให้เกือบ 4,000 ล้านบาทที่กระทรวงไอซีทีตอนนั้นก็ใช้ไปเพียง 2,000 ล้านบาทเศษเท่านั้นแต่ก็น่าเสียดายที่โครงการถูกเลิกไปเพราะรัฐประหาร ไม่อย่างนั้น วันนี้คงจะดีกว่านี้
ทั้งนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ ยืนยันอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองว่า ไม่เคยเปลี่ยนแต่เพื่อเติมเต็มภารกิจที่ต้องการทำจริงๆ ก่อนจะหมดลมหายใจไปจากโลกนี้ คือ การไม่ก้มหัวให้เผด็จการ หยุดการโกงชาติ โดยการตั้งองค์กรภาคประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อส่งมอบประเทศที่ดีที่สุดให้ลูกหลาน
พร้อมประกาศยืนยันว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าทำตามปณิธานต่อ ไม่ใช่เพียงแค่เขตสายไหมที่ต้องรอดเท่านั้นแต่เชื่อว่า คนไทยก็จะต้องรอดถ้ารวมพลังกัน ไม่ทะเลาะกัน มีความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทรต่อกัน และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง