“ชทพ."เปิดปราศรัยดุเดือด ซัดพรรคเกิดใหม่เสียมารยาทส่งผู้สมัครลงแข่ง

13 ก.พ. 2566 | 07:45 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.พ. 2566 | 07:50 น.

“ชทพ.”เปิดปราศรัยที่บางปลาม้า ดุเดือด “กัญจนา” ซัดพรรคเกิดใหม่เสียมารยาท แอบตีท้ายครัว ส่งผู้สมัครลงแข่ง แต่ไม่หวั่นขอสู้ยิบตา เตือนผู้ใหญ่ที่เคารพ”ระวังไม่เหลือมิตร “ประภัตร”ลั่นสุพรรณต้องแลนด์สไลด์

วันนี้(13 ก.พ.66) เมื่อเวลา 09.40 น. พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเวทีปราศรัยณ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตร อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค, นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค, น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการอำนวยการพรรค , นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี , นายอุดม โปร่งฟ้า กรรมการบริหารพรรค ขึ้นปราศรัย 

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เลือกตั้งคราวก่อนตนเป็นหัวหน้าพรรค แต่ปีนี้ นายวราวุธ เป็นหัวหน้าพรรค ในอดีตสุพรรณบุรีกับทุกวันนี้พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะคนที่ชื่อ “บรรหาร” ในวันนี้ลูกหลาน นายบรรหาร และพรรคชาติไทยพัฒนาจะสืบสานต่อไป 

“เลือกตั้งครั้งนี้เราใช้บัตร 2 ใบ คือ ผู้สมัคร และ บัญชีรายชื่อ คะแนนที่ต้องการในบัญชีรายชื่อเยอะมากกว่าจะได้หนึ่งที่นั่ง 3.5 แสน ขอให้ชาวสุพรรณช่วยนายวราวุธ เข้าสภา และขอ 5 เขตยกทั้งจังหวัดเข้าสภา”

น.ส.กัญจนา กล่าวด้วยว่า ตนเป็นผู้แทนมาตั้งแต่ปี 2538 พ่อสอนเสมอว่าเรามีศัตรูหนึ่งคนก็เยอะไป มีมิตร 100 คนก็น้อยไป บรรหารจะไม่เป็นศัตรูกับพรรคการเมืองไหน เป็นเหตุให้พ่อมีมิตรทางการเมืองมากมาย พ่อถือเป็นมารยาททางการเมืองที่จะไม่ส่งผู้สมัครลงในพื้นที่ ที่เป็นหัวใจของพรรคการเมืองอื่น 

โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ทำงานร่วมกันมา พ่อถือเป็นมารยาทของพ่อ และพรรคการเมืองหลายพรรคเป็นเช่นนี้ พ่อจึงได้ฉายาว่า มังกรการเมือง แม้จะอยู่ตรงไหนก็มีมิตรทางการเมืองด้วยการกระทำของพ่อเยี่ยงนี้ 

การเลือกตั้งปี 62 มีการแข่งขันรุนแรงในเขต ประภัตร ตอนนั้นคู่แข่งขันคือ อาจองชัย เกิดจากการเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้แข่งขันกัน ดังนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ได้เป็นเจตนารมณ์ของพรรคการเมือง ที่ นายจองชัย ไปสังกัดช่วงนั้น ที่จะส่งผู้สมัครมาแข่งกับเรา เรื่องนั้นจบไปแล้ว และบัดนี้ ประภัตร จองชัย ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อชาติไทยพัฒนา

“แต่ปี 66 การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ทราบมาว่ามีพรรคการเมืองตั้งใหม่พรรคหนึ่งพยายามเหลือเกิน ที่จะแสวงหาผู้สมัครมาแข่งกับพรรคชาติไทยพัฒนา ในหลายเขต จึงอยากบอกว่ามันเสียมารยาทมาก มากที่สุดคือ มาทาบทามเอาน้องชายแท้ๆของ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ไปลงในเขต 1 แข่งกับ นายสรชัด นี่ในทางการเมืองถือว่าเสียมารยาทมาก เอาเถอะค่ะ ท่านมาเราก็สู้ และเราสู้ยิบตาด้วย แม้เราจะเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ เทียบกับท่านที่มีอำนาจบารมีมาก แต่เราเป็นมด ที่ถ้ากัดเรากัดเจ็บนะคะ” 

                                 “ชทพ.\"เปิดปราศรัยดุเดือด ซัดพรรคเกิดใหม่เสียมารยาทส่งผู้สมัครลงแข่ง

นอกจากนี้ น.ส.กัญจนา ยังระบุว่า “กัญจนาขอรำพึงดังๆ ไปถึงผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่กัญจนาเคารพรักถือ และยังเคารพนับถืออยู่ทุกวันนี้  ผู้ใหญ่ท่านนั้นให้ความเมตตากับวราวุธ กัญจนา และ พรรคชาติไทยพัฒนามาโดยตลอด ให้เรามีพื้นที่ทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งกัญจนา และ วราวุธ ขอบพระคุณมาก และทุกครั้งเวลา วราวุธ หรือ ท่านประภัตร ไปทำงานก็จะให้เครดิตท่านเสมอมา ระลึกในคุณของท่านที่ให้โอกาส วราวุธ ประภัตร และพรรคชาติไทยพัฒนาได้ทำงาน 

จึงอยากฝากกราบไปถึงผู้ใหญ่ท่านนี้ว่า ท่านอย่าฟังคนรอบข้างให้มากนักในเรื่องการเมือง ถ้าท่านฟังมาก วันนึงถ้าท่านเลี้ยวกลับมาดูรอบตัว ท่านอาจจะไม่เหลือมิตรสักคนหนึ่ง อยากจะบอกว่าน้ำใสใจจริงที่เรามีให้กัน มันคุ้มไหมคะกับการที่ท่านจะส่งคนมาสมัครแข่งขันกับเราในพื้นที่ที่เป็นเมืองหลวงของเรา 

เพราะถึงอย่างไรในบ้านเรา เราจะไม่แพ้อย่างแน่นอน นอกจากเราจะไม่แพ้แล้วเราจะต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ด้วย แต่สิ่งที่ท่านจะเสียไป คือ น้ำใสใจจริงที่เรามีให้ท่านตลอดมา ขอรำพึงดังๆ แบบนี้ ท่านจะได้ยินหรือไม่ ไม่เป็นไร แต่ขอให้ชาวบางปลาม้า ชาวสุพรรณบุรีทุกคน ได้ยินว่า ไม่ว่าใครจะมา ถ้าไม่ได้ใส่เสื้อพรรคชาติไทยพัฒนา เราจะไม่เลือกเขา อย่างที่ท่านประภัตรพูด

ในอดีตที่ผ่านมาสุพรรณบุรี มีแต่พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เคยมีพรรคอื่น ก็ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ใครอาจหาญเข้ามาเราสู้ มาเลย เราเลือดสุพรรณสู้ยิบตา"

ด้าน นายประภัตร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ด้วยการแบ่งเขตใหม่ เขตบางปลาม้าจะเป็นของ ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ จากเดิมเป็น สรชัด สุจิตต์ ขอให้ทุกคนจดจำไว้ให้ดี และขอสดุดี นายบรรหาร ที่สร้างโรงเรียนบรรหาร-แจ่มใส ในหลายพื้นที่ หลายอำเภอ 

สุพรรณบุรีต้องเป็นหนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้ชัดว่า คนสุพรรณจะรักศิลปอาชา รักพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ โดยพรรคชาติไทยพัฒนาต้องแลนด์สไลด์ในสุพรรณบุรี หลายพรรคก็พูดถึงคำนี้ เราต้องการให้พูดแลนด์สไลด์กันทุกคน เพราะเป็นภาษาทางการเมือง ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็แปลว่า ชัยชนะแบบถล่มทลาย พรรคชาติไทยพัฒนาสุพรรณบุรี จะต้องไม่มีคนอื่น ส่งให้ นายวราวุธ เดินไปข้างหน้าได้

“วันนี้มีคนอื่นจะเข้ามา ผมไม่อยากเชื่อ เป็นพรรคที่อยู่ด้วยกันมาในรัฐบาล จะเอามาลงที่อำเภอบางปลาม้า ผมก็ไม่เชื่อ มีนักข่าวมาถามว่ามีพรรคอยู่ด้วยกันมาแล้วจะมาลงในพื้นที่ แต่สุพรรณบุรีพรรคชาติไทยพัฒนาต้องแลนด์สไลด์ และถ้าเราจะส่ง นายวราวุธ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีของสุพรรณบุรีคนที่ 2 เราจะต้องแลนด์สไลด์” นายประภัตร กล่าว 

                            “ชทพ.\"เปิดปราศรัยดุเดือด ซัดพรรคเกิดใหม่เสียมารยาทส่งผู้สมัครลงแข่ง

ส่วน นายวราวุธ ปราศรัยว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8 แสน แต่พบว่ามี 1 แสนคนกาคะแนนเลือกพรรคอื่น ซึ่งคะแนน 20%  ที่เลือกพรรคอื่น ตนขอถามว่ามีพรรคไหนมาทำงานในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี หรือไม่ ซึ่งไม่เคยมี 

พื้นที่ อ.บางปลาม้าที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องน้ำ มีแค่ นายณัฐวุฒิ และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ในการแก้ปัญหา วันที่ 8 มีนาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา พร้อมกับประชาชนจะหารือเพื่อการแก้ไขปัญหาระยะยาว ทั้งการขุดลอกคูคลอง สร้างเขื่อนกั้นน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอีก แม้นโยบายของพรรคไม่หวือหวา แต่ยั่งยืนได้คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาในอนาคต 

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ามีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือกคน และเลือกพรรค ตนขอให้เลือกผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคด้วย  ส่วนพรรคอื่นที่จะมาตนไม่กลัว เพราะคนบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ 

“ในการเลือกตั้งมีคนที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ผมในฐานะลูกหลานคนสุพรรณบุรี สัญญาว่าหากได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะไม่แพ้พรรคอื่นหรือ จังหวัดใดแน่นอน” 

ส่วน นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ปราศรัยว่า ขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงจะเป็นการเปิดใจทางการเมืองครั้งแรกของตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ที่ไหน เพื่อใหรับรู้กันโดยทั่วไปว่ามีอะไรเกิดขึ้น 

มีคนมาพูดคุยจริง จะขอให้ตนย้ายพรรค ขอบอกว่าจะไม่ยอมย้ายไปไหน เพราะสุพรรณบุรีต้องชาติไทยพัฒนา เพราะรู้ดีว่างานในจังหวัดจะส่งผลถึงลูกหลานไปอีกนาน จะต้องปฏิรูปแก้ไข สิ่งที่ นายบรรหาร ทำไว้ สานต่อ 

“ที่ผมอภิปรายทุกครั้งในสภาฯ ผมไม่เคยเอ่ยชื่่อเขาในสภาฯ เลยพูดถึงแต่ตำแหน่ง ผมไม่ศรัทธาในตัวผู้นำที่จะสนับสนุนพรรคนั้น และที่สำคัญที่สุด คนที่จะสนับสนุนพรรคนั้น เป็นคนที่ผมไม่ชอบเลย” นายณัฐวุฒิ ระบุ