ย้อนกลับไปในปี 2540 เป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่อย่าง “ต้มยำกุ้ง” สถานการณ์นี้เอง ทำให้คุณแม่ของคุณกร ตัดสินใจย้ายครอบครัวจากกรุงเทพฯ มาอยู่ในหาดใหญ่ จ. สงขลา ด้วยความหวังที่จะมาเริ่มต้นทำธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งคุณแม่เอง ก็ได้รับสืบทอดความรู้ด้านสมุนไพรมาจากรุ่นคุณปู่ ประกอบกับเล็งเห็นว่า ที่หาดใหญ่มีค่าครองชีพต่ำ และการแข่งขันน้อยกว่าในกรุงเทพฯ
คุณกร สุริยพันธุ์ ผู้บริหารบริษัท เทพไทย โปรดัคท์ จำกัด เล่าว่า “...เราเริ่มจากทำยาสีฟันสมุนไพรใช้กันเองในบ้าน กวนในกะละมัง วันหนึ่ง มีเพื่อนคุณแม่มาหาที่บ้าน แล้วเขาปวดฟัน คุณแม่จึงให้ยาสีฟันไปใช้ หลังจากนั้น 3-4 วัน เขาก็กลับมาบอกว่า ยาสีฟันดี ทำไมถึงไม่ทำขาย..” คำพูดนี้เอง เป็นจุดที่ทำให้คุณแม่ของคุณกร ตัดสินใจทำยาสีฟันขาย โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “รักษ์ไทย” หลังจากนั้น ยาสีฟันรักษ์ไทย ที่ผลิตกันเองในครอบครัว “สุริยพันธุ์” ก็ถูกวางจำหน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ จนได้เข้าไปจำหน่ายในงาน OTOP ครั้งแรกเมื่อปี 2546
ต่อมาในปี 2556 เทรนด์สินค้าสมุนไพรกำลังได้รับความนิยมในตลาด คุณกร ตัดสินใจเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว จึงคิดจะจดทะเบียนบริษัท แต่ในขณะนั้น ไม่สามารถจดทะเบียนบริษัทในชื่อแบรนด์ “รักษ์ไทย” ได้ เนื่องจากมีชื่อซ้ำกับบริษัทอื่นที่จดทะเบียนอยู่แล้ว “...เมื่อต้องคิดชื่อแบรนด์ใหม่ คุณแม่จึงมีไอเดียว่า...ถ้าเราเปรียบสมุนไพร ก็เหมือนฟ้าประทานมาให้คนไทยใช้ เป็นเทพที่ปกป้องรักษาคนไทย เป็นที่มาของชื่อแบรนด์ ‘เทพไทย’ อย่างทุกวันนี้” ซึ่งปัจจุบัน บจก. เทพไทย โปรดัคท์ ก็ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 20 แล้ว
คุณกร สุริยพันธุ์ กล่าวว่า จุดอ่อนของบริษัท คือ Marketing จึงวาง Positioning ของตัวเองให้เป็นผู้ผลิต และหาพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยทำเรื่องการตลาด “...เริ่มจากเรามีลูกจ้างแค่ 3-4 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัว ผลิตเสร็จ ก็ไปฝากขายตามร้านต่าง ๆ หรือไปออกบูธงาน OTOP เสร็จแล้วก็กลับมาผลิต วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ด้วยข้อจำกัดเรื่องพนักงานขาย ต้นทุน รถยนต์ จะขยายสเกลคงไม่ไหว เลยคิดว่าถ้าเราหาตัวแทนจำหน่ายมาช่วยขายให้น่าจะดีกว่า...” การวางตัวเองเป็นผู้ผลิตอย่างเต็มรูปแบบ ดูเหมือนจะเป็นพันธกิจที่ทำให้แบรนด์เทพไทย มุ่งมั่นพัฒนายาสีฟันสมุนไพรคุณภาพ ซึ่งสมุนไพรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาสีฟันส่วนใหญ่ จะอยู่ในตำรับยาของแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว อาทิ การบูร พิมเสน เมนทอล ข่อย กานพลู ใบฝรั่ง อบเชย ชะเอม ฯลฯ มีการพัฒนาคุณภาพผ่าน มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และฮาลาล จนได้เข้าประกวดบนเวที OTOP จุดประกายสินค้าให้เป็นที่ต้องตาทั้งภาครัฐ และเอกชน หลังจากนั้น ยาสีฟันเทพไทย ก็เริ่มเข้าสู่โมเดิร์นเทรด จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
อย่างที่ทราบกันว่า ESG ซึ่งย่อมาจาก Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) เป็น 3 ปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตัวคุณกรเอง ก็เน้นย้ำการดำเนินกิจการด้วยหลัก ESG เช่นกัน แม้จะมีการนำเทคโนโลยีเครื่องจักรเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อทำให้เป็นระบบ Automation มากขึ้น ดูเป็นโรงงานที่ทันสมัยขึ้น แต่ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม บจก. เทพไทย โปรดัคท์ ก็ยังให้ความใส่ใจตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบสมุนไพร ไปจนถึงการนำระบบโซลาร์เซลล์ และการบำบัดน้ำเสียมาใช้ภายในโรงงานด้วย “…เรามีการผลักดันเรื่องการใช้โซลาร์เซลล์ ส่วนน้ำเสียของโรงงาน ใช้ระบบ Reuse เราไม่ได้ปล่อยน้ำเสียออกนอกโรงงาน และด้วยวัตถุดิบของเราเป็นสมุนไพร จึงไม่ทำให้เป็นน้ำเสียแบบน้ำเน่า เลยใช้การเติมอากาศเข้าไปในบ่อบำบัด แล้วก็นำกลับมารดน้ำต้นไม้ได้”
คุณกร สุริยพันธุ์ มีแนวคิดในการขยายธุรกิจ พร้อมกับพัฒนาคนในพื้นที่ และพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนไปด้วยเช่นกัน “…อย่างในชุมชนข้างเคียงของโรงงาน เราก็ส่งเสริม และดูแลกันอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม หรือชุมชน เราเริ่มจากคนใกล้ ๆ ตัวก่อน พนักงานของผมก็เป็นคนในชุมชน สิ่งหนึ่งที่ผมต้องทำ คือ ทำให้พนักงานของผมอยู่สบายก่อน ก่อนที่ผมจะไปช่วยคนอื่น พอพนักงานของผมอยู่ดีกินดี เขาก็มีกำลังในการทำงาน นอกจากนี้ ยังให้ความช่วยเหลือในเรื่องการศึกษา การพัฒนาอาคารเรียน ซ่อมแซมสนามฟุตบอล ผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย …”
วิสัยทัศน์ และความจริงใจ ไม่ใช่เพียงแค่ในฐานะผู้บริหารที่ต้องดูแลพนักงงานกว่า 130 ชีวิต แต่ยังรวมถึงในฐานะฟันเฟืองหนึ่งของชุมชน ผู้มีปณิธานแรงกล้าที่จะส่งเสริม พัฒนา และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน และคนในชุมชน ควบคู่ไปกับคุณภาพผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล “…การยกระดับพืชสมุนไพรของบ้านเรา ยังไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควรในระดับอุตสาหกรรม เราจึงเข้าไปส่งเสริมให้ความรู้เกษตรกรด้วย ยกตัวอย่าง น้ำผึ้งของวิทยาลัยชุมชนสงขลา ตอกแรกเขาเพาะเลี้ยงผึ้ง แล้วขายได้แค่น้ำผึ้ง เราจึงไปให้ความรู้ในเรื่องของการสกัดโพรโพลิซ ซึ่งเป็นสารสกัดจากน้ำผึ้ง ที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย ลดการอักเสบ โดยให้มีมาตรฐานที่สากลยอมรับ เป็นการเพิ่มมูลค่า ขายได้ในระดับประเทศ ระดับโลก”
คุณกร สุริยพันธุ์ “เราเปลี่ยนภาพลักษณ์ จากที่สมัยก่อน เราบีบยาสีฟันเต็มแปรง แต่เราปรับสูตรให้มีความเข้มข้น บีบใช้เพียงปริมาณเมล็ดถั่ว ขณะเดียวกัน ยาสีฟันเทพไทย ยังใช้สมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน เสียวฟัน เหงือกบวม โรคภายในช่องปาก และลดแบคทีเรียในช่องปากด้วย ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟันสมุนไพรสูตรเข้มข้นรสดั้งเดิม (หลอดสีฟ้า) รสเกลือ (หลอดสีขาว) รสมิกซ์ฟรุ๊ต (หลอดสีชมพู) หรือรสสเปียร์มิ้นท์ (หลอดสีเขียว) ซึ่งทุกสูตรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์สูงถึง 1,500 ppm มีสรรพคุณช่วยยับยั้งฟันผุ และเคลือบผิวฟันได้เป็นอย่างดี การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไม่สามารถเปลี่ยนได้ภายในวันสองวัน แต่ต้องใช้เวลา การสื่อสาร การเน้นย้ำ กว่าผู้บริโภคจะเข้าใจวิธีการใช้ และสรรพคุณก็ต้องใช้เวลา ซึ่งเรื่องการรักษาคุณภาพ การรักษาความไว้ใจของผู้บริโภค ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราเน้นย้ำ ปัจจุบันมีส่งออกไปลาว กัมพูชา และกำลังประสานงานสำหรับประเทศอื่น ๆ กลุ่มประเทศเหล่านี้เขาเสพสื่อจากประเทศไทย บริษัทจึงเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน เพราะถ้าจะกระโดดไปโซนยุโรป อาจต้องใช้ทรัพยากรที่มากและเกินกำลัง
ทิ้งท้ายว่า “...ผมมีความฝัน อยากให้เทพไทย ที่มีเขียนข้างกล่องว่า Product of Thailand เป็นตัวแทนของคนไทยไปสู่ต่างประเทศ เมื่อต่างชาติมาประเทศไทย ก็จะซื้อเทพไทยกลับไปเป็นของฝาก ผมว่านี่คือ ความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในฐานะคนไทย..และแบรนด์ไทย”
สามารถติดตามอ่านเรื่องราวดีๆ รวมไปถึงบทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จะช่วยให้ข้อคิด แนวคิด และเคล็ดลับในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ที่ www.Bangkokbanksme.com
“ยาสีฟันเทพไทย” ได้ที่ https://www.facebook.com/Tepthais