เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ตอกย้ำภาพผู้นำอันดับ 1

ภาพรวมอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ในปี 2566 มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวเต็มที่ โดยรับแรงหนุนจากหนังฟอร์มใหญ่ที่เข้ามาฉายตลอดทั้งปี และคาดว่าในปี 2567 จะกลับมา 100% จากแนวโน้มที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในไทยขยายตัวต่อเนื่อง

ส่งผลให้ผลประกอบของผู้เล่นในตลาด “โรงภาพยนตร์” กลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 ของ ผู้นำตลาดอย่างบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ทำรายได้ 3,873 ล้านบาทเติบโตสูงถึง 40% ทำกำไร 603 ล้านบาทเติบโต 288% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยมีแรงหนุนจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉายอย่างต่อเนื่องส่งผลให้คนไทยกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์มากขึ้น ประกอบกับมีหลายๆแบรนด์ใช้โรงภาพยนตร์เป็นช่องทางเผยแพร่สื่อโฆษณาและทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ปัจจุบันเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยังรักษาตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ของเมืองไทยด้วยจำนวนสาขามากที่สุดถึง 180 สาขา 831 โรงภาพยนตร์ ครอบคลุมทั่วประเทศ มากถึง 63 จังหวัด แบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 48 สาขา 348 โรง และต่างจังหวัด 123 สาขา 437 โรง รวมถึงสาขาต่างประเทศ 9 สาขา 46 โรง และยังคงมีการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 บริษัทมีแผนขยายสาขาโรงภาพยนตร์ เพิ่ม 8 สาขา 40 โรง ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท และวางเป้าขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรง ภายในปี 2573 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในทำเลยุทธศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ให้ความสำคัญคือ “การสร้างประสบการณ์บันเทิงที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสุขและบริการที่ดีที่สุด เมื่อมาดูหนังในโรงภาพยนตร์” ซึ่งต่างจากการดูหนังที่บ้านหรือดูผ่าน Streaming ต่างๆ โดยลงทุนนำเทคโนโลยีการชมภาพยนตร์จากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้ผู้ชมชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น

IMAX โรงภาพยนตร์จอยักษ์ ที่เมเจอร์ฯ อัพเกรดเทคโนโลยีระบบการฉายใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในโลก คือ “IMAX with Laser” หลังจากที่ได้อัพเกรดไปแล้ว 3 สาขา คือ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ,ไอคอน ซีเนคอนิค และ เมกา ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งได้รับผลตอบรับจากคอหนังที่ดีมากๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้ภาพคมชัดสมจริงที่สุด สว่างขึ้น พร้อมระบบเสียงขั้นสุดถึง 12 Channels

ทั้งนี้เมเจอร์ฯจึงได้ทุ่มงบเดินหน้าอัพเกรดเพิ่มอีก 2 สาขา ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และควอเทียร์ ซีเนอาร์ต พร้อมกับการเพิ่ม IMAX with LASER สาขาใหม่ อีก 2 สาขาที่เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ แคราย และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ภายในสิ้นปี 2566 และจะอัพเกรด IMAX เพิ่มอีก 2 สาขา ที่เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเชียงใหม่ ภายในปี 2567 พร้อมวางเป้าหมายที่จะมีโรงภาพยนตร์ IMAX with Laser” ให้ครบ 13 สาขา ภายในปี 2568 โดยใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 50 ล้านบาท

Screen X โรงภาพยนตร์แบบสามจอ สามทิศทาง ประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ให้มุมองกว้างสุด 270 องศา และมีขนาดจอภาพยาวที่สุดในประเทศไทยถึง 62 เมตร ซึ่งเปิดให้บริการแห่งใหม่ล่าสุดที่ ไอคอน ซีเนคอนิค เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และมีแพลนจะเพิ่มโรง ScreenX แห่งใหม่ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ภายในปี 2566 นี้เพิ่มอีกด้วย

LASERPLEX โรงภาพยนตร์ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องฉายเลเซอร์ครบทุกโรง โดยภายในปี 2566 จะมีโรงภาพยนตร์ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องฉายเลเซอร์แล้วกว่า 270 โรงฯ ใช้งบลงทุนไปกว่า 540 ล้านบาท และวางเป้าอัปเกรดเครื่องฉายดิจิตอลเปลี่ยนเป็นเครื่องฉายเลเซอร์ ให้ครบทุกโรงภาพยนตร์ 100% ตามเป้าหมาย นอกจากระบบนี้จะมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นแล้วยังประหยัดพลังงานมากขึ้น 25% การใช้วัสดุสิ้นเปลืองเช่น หลอดภาพ เพื่อช่วยลดโลกร้อน และลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศลง 35% รวมทั้งยังปล่อยความร้อนลดลงช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของโครงการ Green Cinema หรือ โรงภาพยนตร์รักษ์โลก

จากการลงทุนเทคโนโลยีการฉายภาพยนตร์ที่ทันสมัยที่สุดนอกจากจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคแล้ว ยังได้รับการตอบรับจากแบรนด์ต่างๆที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการทำกิจกรรมการตลาดและสื่อสารไปยังผู้บริโภคเพราะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยจำนวนสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ทำให้สร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้ในวงกว้างและสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

และความร่วมมือครั้งล่าสุดกับแบรนด์  Alisa AI ได้เข้ามาร่วมเป็น “เนมมิ่ง สปอนเซอร์” โดยจับมือร่วมกันเปิดโรงภาพยนตร์ ALISA AI ScreenX แห่งใหม่ที่สาขาไอคอน ซีเนคอนิค (ไอคอนสยาม) เพื่อสร้างประสบการณ์การชมภาพยนตร์แบบ 3 จอ 3 ทิศทาง ภาพกว้าง 270 องศา มีความยาวของจอภาพทั้งสามด้านมากที่สุดในไทยรวมกันถึง 62 เมตร และเป็นครั้งแรกของระบบ ScreenX กับจอภาพหลักที่คมชัดด้วยเครื่องฉายเลเซอร์ 4K และจอภาพด้านข้างเป็นเทคโนโลยี Screen wall  ที่ใช้วัสดุเดียวกับจอภาพหลัก ช่วยให้ภาพคมชัดมากขึ้น และให้ภาพสว่างขึ้นถึง 40%

“เนมมิ่ง สปอนเซอร์ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สามารถตอบโจทย์แบรนด์ต่างๆในการสื่อสารคีย์แมสเสจ และสร้างการรับรู้ในวงกว้างเข้าถึงกลุ่มเป้าหลักของแบรนด์ และด้วยเทคโนโลยีการฉายที่ทันสมัยสมจริงเหนือกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป ทำให้แบรนด์ที่เข้ามาเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์ร่วมกับทางเมเจอร์ฯ สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง สร้างการจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่สนใจทำการตลาดผ่านโรงภาพยนตร์ เพื่อสร้างความแตกต่าง สร้างประสบการณ์ และสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้”