วันที่ 28 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น.
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางลลิดา จิวะนันทประวัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์แถลงผลงาน 2 ปี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
นางมัลลิกา กล่าวว่า วันนี้จะแถลงผลงานของท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในภารกิจ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่เราจะเดินหน้าภารกิจกระทรวงพาณิชย์ปีที่ 3 ซึ่งผลงานเด่นสรุปในรอบสองปีทั้งหมด 27 ผลงานเด่น ประกอบด้วย
1.ประกันรายได้เกษตรกร พืชหลัก 5 ชนิด ช่วยเหลือเกษตรกรทั้งสิ้น 7.8 ล้านครัวเรือน ข้าว 4.68 ล้านครัวเรือน ยางพารา 1.83 ล้านครัวเรือน มันสำปะหลัง 0.52 ล้านครัวเรือนปาล์มน้ำมัน 0.37 ล้านครัวเรือน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 0.45 ล้านครัวเรือน ซึ่งเงินส่วนต่างทุกบาทจากโครงการประกันรายได้ส่งถึงมือเกษตรกรผ่านธนาคาร ธ.ก.ส. ทำให้เงินที่อยู่ในมือเกษตรกรหมุนเวียนช่วยเศรษฐกิจฐานรากในภาวะวิกฤตโควิด
2.ผลไม้ราคาดี เกือบทุกตัวช่วยชาวสวนได้ 6.54 แสนครัวเรือน ผลไม้ส่งออก 8 เดือนแรก ปี 64 มีมูลค่า 169,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.29% และมียุทธศาสตร์มาตรการเสริม 1)ช่วยสนับสนุนกล่องพร้อมค่าจัดส่ง 2)กระจายผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต และสนับรถเร่-รถโมบาย ไปรับซื้อและจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรง 3)ประสานงานกับตลาดห้างท้องถิ่นและปั๊มน้ำมันเปิดพื้นที่ระบายผลไม้ให้กับเกษตรกร 4)จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจเจรจาออนไลน์ขายผลไม้ 5)ทำ OBM หรือ Online Business Matching รายสัปดาห์ต่อเนื่อง 6) จัดThai Fruits Golden Months ในจีนต่อเนื่อง 7)Memorandum of Purchasing : MOP 8)In-Store Promotion 9)แพลตฟอร์มออนไลน์
3.ตั้ง กรอ.พาณิชย์ โดยรัฐหนุนเอกชนนำ นำกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายดึงเอกชนเป็นทัพหน้า ภาครัฐเสริมทัพ บุกตลาดทำงานร่วมกันและขึ้นทะเบียนปัญหา เพื่อติดตามประสานงานแก้ไขอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ผลักดันการส่งออกแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าต่างๆ ทั้งการส่งเสริมการส่งออกข้าวไทย การแก้ปัญหาโลจิสติกส์และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทางด้านการเปิดด่าน และมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
4.สร้างเซลล์แมนประเทศ เซลล์แมนจังหวัด
ปรับบทบาททูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนประเทศ พาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด เพื่อขยายการค้าไทยส่งเสริมการขายสินค้าผลักการส่งออกและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าทำหน้าที่เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนสินค้า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตั้งทีมเซลล์แมนประจำจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีเอกชนร่วมทีมด้วย ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีการจับคู่เซลล์แมนจังหวัดนำสินค้าท้องถิ่นไปขายต่างประเทศ จับคู่เจรจาการค้ากว่า 213 คู่ ส่งมอบสินค้าแล้ว 77 คู่ มีสินค้าหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคทั่วไทย
5. เปิดด่าน ผลักดันการค้าชายแดน/ผ่านแดน ซึ่งมูลค่าส่งออก (ชายแดน/ผ่านแดน) 2 ปี (25 ก.ค. 62 - 30 ส.ค. 64)
ชายแดน : มาเลเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา
ผ่านแดน : จีน, สิงคโปร์, เวียดนาม
นำรายได้เข้าประเทศ 1,832,066 ล้านบาท
มีมูลค่าการค้ารวม (ชายแดน / ผ่านแดน) 2 ปี 3,088,748 ล้านบาท
สามารถผลักดันการเปิดด่านได้ 46 ด่าน จาก 97 ด่าน สำเร็จ
6. เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด
วิสัยทัศน์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต นำเกษตรและพาณิชย์จับมือสร้างประเทศไทย เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก โดยมีเป้าหมาย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ
เพิ่มจีดีพีประเทศ เพิ่มรายได้เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยภารกิจ จัดทำแดชบอร์ดสินค้าเกษตร สำเร็จ จัดทำ QR Code ตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ต่อยอดการขายผ่านแพลตฟอร์มกลาง ของภาครัฐและภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จ
7. เคาน์เตอร์เทรด
“ช่วยเกษตรกรหาตลาด”แลกเปลี่ยนสินค้า หาตลาดล่วงหน้า ผ่านทีมเซลส์แมนจังหวัด
(ทีมพาณิชย์ 76 จังหวัด) ทำงานเชิงรุก
สร้างมูลค่าการค้ารวม 2 ปี ถึง 6,600 ล้านบาท ปี 63 มูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาท
ปี64 ใน 8 เดือนแรกประมาณ 3,300 ล้านบาท
8. อาหารไทย อาหารโลก
นโยบาย เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพมาตรฐานโลก
-ปรับแผนโลจิสติกส์ -เดินหน้าไปสู่การเป็นอาหารโลก -จับมือกันเพื่อลดต้นทุนและใช้ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ -ส่งเสริมการตลาดภายในประเทศและส่งออก -ร่วมกันปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคทำให้การประกอบธุรกิจง่ายขึ้น ทั้งสินค้าเกษตร และอาหาร Thai Select และฮาลาล
ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริม 3,413 ราย การจับคู่เจรจาธุรกิจ 4,043 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 2 ปี 55,367.46 ล้านบาท โดยชูมาตรการ 5 ลุย 1 นำ ลุยเปิดด่านแก้วิกฤต ลุย Online ลุย Matching ลุยเชื่อมโยงเครือข่าย ลุยอบรมพัฒนาและนำเอกชน MOU
9. การเป็นประธานประชุม รมต.การค้า RCEP 15 ประเทศ สำเร็จ หลังจากมีความพยายามมานานถึง 7 ปี ทำให้ได้รับการยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที 29,891 รายการ ซึ่งคาดว่าเริ่มใช้บังคับได้มกราคม 2565
ซึ่ง RCEP เป็นความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ ประชากรรวมกัน 30.2% ของประชากรโลก มูลค่า GDP รวม 33.6% ของ GDP โลก มูลค่าการค้ารวม 30.3% ของมูลค่าการค้าโลก ขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการในการส่งออกสินค้า เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง
10. บุกตลาดเมืองรองด้วย Mini FTA
สำเร็จแล้ว 2 แห่ง MOU กับไห่หนาน (จีน)
ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 12,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี MOU กับโคฟุ (ญี่ปุ่น)
ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ต่ำกว่า 15,500 ล้านบาท ในปี 64
และจะทำเพิ่มอีก 3 แห่งคือ กานชู (จีน)
เตลังคานา (อินเดีย) และคยองกี (เกาหลีใต้)
11. ผลักดันส่งออกฝ่าวิกฤต นำทีมเอกชนเซ็น MOU ขายสินค้าทั่วโลก ภารกิจเซลส์แมนประเทศ ผลักดันการส่งออกผ่านการลงนาม MOU และกิจกรรม Business matching ทำแล้ว 231 คู่ ทำให้มูลค่าส่งออก 2 ปี 94,822.17 ล้านบาท ส่งมอบแล้ว 60 %
-ส่งเสริมการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com ปัจจุบันมีสมาชิกบนเว็บไซต์ 160,000 ราย สินค้า 215,611 รายการ มูลค่าการสั่งซื้อรวม 2,322 ล้านบาท
- สร้างมูลค่าจากงานแสดงสินค้าและคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศ ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมกว่า 13,138 ราย มูลค่าการสั่งซื้อกว่า 161,756 ล้านบาท
12. การส่งเสริมการค้ารูปแบบใหม่ สู่ New Normal ซึ่งมีการปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องรับมือกับภาวะวิกฤตโควิดสร้างมูลค่าการค้าให้เกิดขึ้นรวมกว่า 158,113 ล้านบาท ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย มากกว่า 14,000 ราย ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า
- Virtual Trade Fair จัดกิจกรรมคู่ขนานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ในรูปแบบ Hybrid Edition - Mirror Mirror Mission
เจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์พร้อมจัดแสดงตัวอย่างสินค้าในงานแสดงสินค้า
- Online In-Store Promotion จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับผู้นำเข้า/แพลตฟอร์มพันธมิตร- Webinar
ปรับรูปแบบอบรมสัมมนาสู่ช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์กรมและสื่อสังคมออนไลน์ - Online Business Matching จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ซื้อต่างประเทศผ่านออนไลน์ - Online SMEs Pro-active ขยายขอบเขตการสนับสนุนกิจกรรม ขยายตลาดต่างประเทศให้ครอบคลุมช่องทางออนไลน์
13. พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ทำแล้ว 12 Lot เริ่มตั้งแต่ 16 เม.ย. 2563 ถึง 31 ก.ค. 2564 ลดภาระค่าครองชีพกว่า 4,300 ล้านบาท ร่วมมือกับผู้ผลิต-ผู้จำหน่ายสินค้า อุปโภคบริโภค ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ ห้างท้องถิ่น ร้านค้าชุมชนทั่วประเทศ ร้านอาหาร ด้านสินค้าและด้านขนส่ง
และมีโครงการ “คาราวานธงฟ้าฝ่าภัย COVID-19” ในส่วนภูมิภาค ส่งรถเร่จำนวน 685 คันจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในราคาประหยัดใน 7 จังหวัด
14. โครงการรถโมบายพาณิชย์ ลดราคา! ช่วยประชาชน จัดรถโมบาย 1,000 คัน ทั่วประเทศ ช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 (ระลอก 3)
กรุงเทพฯ จำนวน 50 คัน ส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด จำนวน 950 คัน มีประชาชนมาซื้อสินค้า 1,300,000 คน มูลค่าการจำหน่ายรวม 200 ล้านบาท สามารถลดค่าครองชีพรวม 85.85 ล้านบาท
15. จับคู่กู้เงิน ช่วยหาแหล่งเงินกู้เงื่อนไขพิเศษให้ร้านอาหารและ SMEs ส่งออก ทั้ง 2 โครงการช่วยกู้ได้ 4,512 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนร้านอาหารในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เปิดโอกาสให้ร้านอาหารกว่า 120,000 ร้าน เข้าถึงแหล่งเงินกู้ โครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ร่วมกับสถาบันการเงินพันธมิตร อย่าง EXIM BANK ให้ผู้ประกอบการ SMEsส่งออก และผู้ประกอบการที่อยู่ใน Value chain ส่งออก ในเครือข่ายของกระทรวงพาณิชย์กว่า 30,000 ราย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อด้วยเงื่อนไขพิเศษ มีวงเงินสนับสนุนรวม 2,500 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ 120 วัน