บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอรัส จำกัด (DTP) บริษัทลูก ของ MQDC เปิดแผนขยายลงทุนในต่างประเทศ ตั้งเป้าเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลก หนุน DTGO สร้างธุรกิจยั่งยืน เพื่อช่วยดูแลสังคมสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ดำเนินธุรกิจบนเส้นทางที่คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม และสังคมส่วนรวม โดยมุ่งเพิ่มคุณค่าในทุกๆ สิ่งที่ทำ “Adding value in everything we do” เพื่อคุณภาพชีวิต ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเทคโนโลยี การออกแบบ การเงิน การลงทุน ฯลฯ โดยมีบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ Magnolias , Whizdom , The Aspen Tree , Mulberry Grove , The Forestias โดยโครงการทั้งหมดต่างตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชีวิต ‘For All Well-Being’
นายหรรสา สุสายัณห์ ประธานกรรมการ
บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอรัส จำกัด (DTP)
+ รวมพลังช่วยเหลือสังคม +
นายหรรสา สุสายัณห์ ประธานกรรมการ บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอรัส จำกัด (DTP) เปิดเผยว่า DTP เป็นบริษัทในเครือ MQDC ซึ่งอยู่ในบริษัท DTGO ทำหน้าที่เป็น Investment Arm เป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับสากล ด้วยการลงทุนและระดมทุนในทรัพย์สิน ที่มีคุณภาพและมีแนวโน้มเติบโตที่ดี
ด้วยแนวคิดในการทำธุรกิจภายใต้ DTGO นั้น ครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลาย ที่สำคัญเป้าหมายแรกของ DTGO มุ่งมั่นเรื่องการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดเป็นนโยบายของบริษัทใน DTGO ที่จะตั้งงบประมาณ 2% ของรายรับหรือรายได้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
อาทิ สนับสนุนให้มูลนิธิพุทธรักษา ดูแลด้านการศึกษาจนถึงปัจจุบันได้ช่วยเหลือเด็กขาดโอกาสกว่าหมื่นคน ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนนี้ ทุกยูนิตจะส่งต่อและพัฒนาการขยายธุรกิจของตัวเองมาสนับสนุนให้ DTGO แข็งแรงและมีพลังในการช่วยเหลือสังคม
นายฐิติ ทองเบญจมาศ ประธานผู้อำนวยการ
บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอรัส จำกัด (DTP)
++ลงทุนทรัพย์สินคุณภาพ++
นายฐิติ ทองเบญจมาศ ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอรัส จำกัด (DTP) กล่าวเสริมว่า DTP เน้นการลงทุนในธุรกิจ 4 แบบ ได้แก่
1. การลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพทั่วโลก (Global Investment) เช่น การเข้าไปลงทุนโรงแรมที่อังกฤษ ซึ่งบริหารโดยเครือโรงแรมชั้นนำระดับสากล อาทิ Hilton, IHG และ Marriott ปัจจุบันมูลค่าเติบโตขึ้นจากปี 2562 ที่เข้าไปลงทุน
2. การบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (Assets Management) รวมถึง พนักงานชุมชน และสังคมโดยรอบ เช่น การบริหารโรงแรมในอังกฤษ เริ่มตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด พอเกิดโควิดบริษัทยังคงดูแลพนักงานทั้งหมดโดยไม่มีการลดคน ทำให้กลับมาเปิดบริการได้รวดเร็วหลังโควิด-19 ผ่อนคลาย รวมทั้งบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เลือกใช้แก๊ส ในการผลิตไฟฟ้า และมีแนวทางการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สามารถทำกำไรที่ดี
3. การระดมทุนในรูปแบบต่างๆ (Funds Management) เพื่อหาโอกาสและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ในรูปแบบ Private Equity จากสินทรัพย์คุณภาพที่มีทั่วโลก มีการบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดได้ตั้งกองทรัสต์ DTPHREIT มูลค่าโครงการ 4,107 ล้านบาท หลังจากปิดขายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางกองทรัสต์ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในทำเลศักยภาพสูงของ MQDC ได้แก่ การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และงานระบบต่างๆ ในโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) และลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมยู เขาใหญ่ ซึ่งเป็นกองทรัสต์ประเภท REIT buy-back ที่มีข้อตกลงให้เจ้าของเดิมรับซื้อทรัพย์สินคืนในวันสิ้นสุดการลงทุน
4. การลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (VC & Innovative Investment) เพื่อตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชีวิต (For All Well-Being) โดยที่ผ่านมามีการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยี เช่น REDDS Technology Fund, การพัฒนานวัตกรรมชะลอวัย (Reverse Aging) และ MIND AI รวมทั้งธุรกิจที่มีศักยภาพด้านอื่นๆ ซึ่งถือเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อรองรับแนวโน้มของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป (Long-Term Investment)
นายฐิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีหลักการลงทุน 3 ด้าน 1. Business Synergy หรือการลงทุนที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอดทางธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม DTGO ได้ 2. Monetization เป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่สามารถพัฒนาให้เติบโต ขายเพื่อเพิ่มรายได้ หรือสามารถนำไประดมทุนผ่านกองทุนฯ หรือเครื่องมือการเงินต่างๆ ได้ เพื่อนำเงินกลับมา สร้างโอกาสในการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง (Re-Investment Opportunity) 3. Risk Diversification ต้องเป็นการลงทุนที่ช่วยกระจายความเสี่ยง ทั้งในประเภททรัพย์สินที่เข้าไปลงทุน มีการกระจายโลเคชั่นเข้าไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพต่างๆ ของโลก รวมทั้งกระจายความเสี่ยงด้าน financial risk อีกด้วย
“เราเน้นการบริหารธุรกิจแบบ Asset Light ลดการถือครองสินทรัพย์โดยหาพันธมิตรที่มีความสนใจในเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นผู้ร่วมลงทุน เพื่อให้เราสามารถบริหารธุรกิจแบบตัวเบา เน้นการเข้าไปช่วยสนับสนุนด้านการบริหาร การช่วยเหลือสังคมในทุกๆ ที่ที่เราเข้าไปลงทุนตามพันธกิจของกลุ่ม DGTO ที่ต้องการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้สามารถดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง” นายฐิติกล่าว