นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนมิถุนายน 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways
โดยมองกรอบแนวรับ 2 ระดับได้แก่บริเวณ 1500 จุดและ 1470 จุด ซึ่งบริเวณ 1470 จุดนั้นมองเป็นแนวรับสำคัญเนื่องจากเป็นระดับที่เทียบเคียงเท่ากับ Forward PBV 1.4x ซึ่งในอดีตมักเป็นระดับที่ดัชนี SET ค่อนข้างมีเสถียรภาพ
ในทางกลับกัน มองแนวต้าน 2 ระดับที่บริเวณ 1570 จุดและ 1600 จุดตามลำดับ โดยระดับ 1600 จุดเป็นระดับที่ไม่น่าผ่าน เนื่องจากเป็นระดับดัชนีที่เหมาะสมในกรณีดีสุดของเรา (Bull case) อิง Forward PE ที่ 14.2x และระดับ 2024E EPS ที่ 113 บาท
นายณัฐชาต กล่าวว่า ประเมินภาพดัชนีหุ้นในช่วงครึ่งเดือนแรกมีโอกาสดีกว่าครึ่งเดือนหลัง จากการที่ในช่วงแรกนักลงทุนน่าจะเริ่ม Price in ความเป็นไปได้ที่ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายน
ซึ่งเรายังคงมีความเห็นเช่นเดิมว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น จากทิศทางตัวเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงมาพอสมควรในช่วงหลัง และการออกมาส่งสัญญาณ Dovish ของกรรมการเฟดต่างๆที่เด่นชัดมากขึ้น แต่หลังจากการประชุม FOMC ผ่านพ้นไปแล้ว อาจเห็นแรงขายทำกำไรหรือการ Sell on fact เกิดขึ้นได้
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำใช้กลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้าน-แนวรับที่กำหนดไว้ โดยมีกลุ่มหุ้นแนะนำประจำเดือนนี้ ได้แก่
1. กลุ่มธนาคารที่น่าจะยังได้ประโยชน์จากวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ BBL, KBANK, SCB
2. กลุ่ม Consumer finance ที่ได้ประโยชน์จากแนวนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มคนฐานรากและความสามารถในการชำระหนี้ปรับสูงขึ้น ได้แก่ SAWAD, MTC, TIDLOR
3. กลุ่มที่อิงกับภาคการบริโภคที่ยังเห็นการขับเคลื่อนที่ดี และยังได้ประโยชน์สุทธิจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ได้แก่ BJC, MAKRO, CRC, GLOBAL, DOHOME