"โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้" หนึ่งในมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ซึ่งวันนี้(1ก.ค.64) เป็นวันแรกกระทรวงการคลังเปิดให้ผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ทางเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ใช้สิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการ
แต่ต้องเป็นการซื้อสินค้าและบริการ ณ สถานประกอบการ ร้านค้าที่ลงทะเบียน ร่วมโครงการผ่านทางแอปพลิเคชั่นถุงเงิน เพื่อเป็นช่องทางในการซื้อขาย และสะสมยอดใช้จ่ายของผู้ได้รับสิทธิ์เพื่อรับ e-Voucher สูงสุด 7000 บาท
ฐานเศรษฐกิจ รวบรวมข้อมูลจาก www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com เพื่อย้ำเตือนคุณสมบัติ เงื่อนไข และวิธีการในการใช้สิทธิ์ในโครงการโดยมีรายละเอียดดังนี้
รายละเอียดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
สำหรับโครงการ ”ยิ่งใช้ยิ่งได้” เปิดให้ลงทะเบียนทาง www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com มาตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย 2564 โดยกำหนดจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการจำนวน 4 ล้านสิทธิ ซึ่งสามารถเข้าลงทะเบียนได้จนกว่าจะเต็ม
ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 พบว่า สิทธิคงเหลือมีจำนวน 3,541,708 สิทธิ นั่นเท่ากับว่า มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 458,292 สิทธิเท่านั้น ซึ่งผู้ได้รับสิทธิจะได้สิทธิรับ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน โดยใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน หรือ ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ไม่เกิน 5,000 บาท/คน/วัน
ซึ่งยอดใช้จ่ายในแต่ละวันที่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน จะถูกนำมาคำนวณรับ E-Voucher ในโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” นั้นจะต้องเป็นการใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ ผ่านร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ได้ลงทะเบียนและติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อเข้าร่วมโครงการ โดยเงื่อนไขมีประเภทสินค้าและบริการที่เข้าเงื่อนไขในการรับ E-Voucher ดังนี้
แต่จะไม่รวมการใช้จ่ายในการซื้อลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้าซึ่งการใช้จ่าย เพียงผู้ได้รับสิทธิ์ เปิดแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" แล้วสแกนกับ "แอปฯ ถุงเงิน" ของร้านค้าที่ร่วมโครงการในการใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ แต่จะสามารถใช้งานได้ระหว่างเวลา 6.00 – 23.00 น. ของทุกวัน ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2564
สำหรับการใช้สิทธิครั้งแรก ไม่ว่าจะเริ่มใช้สิทธิ์วันที่ 1 ก.ค.64 หรือ วันใดก็ตามที่เริ่มใช้สิทธิ์ ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
และการซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีใด
ที่มาข้อมูล www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :