วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ที่โรงพยาบาลระนอง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมรับฟังการปฎิบัติงาน ขั้นตอนในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ปัญหาอุปสรรค จาก นพ.อรุณ สัตยาพิศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง และทีมแพทย์ พยาบาลจังหวัดระนอง
พร้อมกันนี้ รมช.มหาดไทยได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ประกอบด้วย ชุด PPE และหน้ากากอนามัย และบำรุงขวัญกำลังให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการจัดการผู้ป่วย COVID-19 ในพื้นที่ จ.ระนอง ซึ่งการลงพื้นที่มีการปฏิบัติที่เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด
ด้าน นพ.อรุณ ผอ.รพ.ระนอง ได้เปิดเผยถึงยอดผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่ว่า ขณะนี้ จังหวัดระนองมียอดสะสม 3,109 ราย ติดเชื้อใหม่ 94 ราย(ข้อมูล ณ วันที่ 10 ส.ค.64) และวันนี้ 11 ส.ค.64 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อประมาณ 70 ราย และยังมีบุคลากรทางการแพทย์ ที่ป่วยรักษาอาการติดเชื้อโควิดอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 10 ราย โดยได้รับเชื้อจากการปฏิบัติงาน พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณรมช.มท.และคณะที่มาเยี่ยมเติมขวัญกำลังใจครั้งนี้ อีกด้วย
จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ คณะ ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดพังงา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรด่านหน้าจัดการสถานการณ์โควิด ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล อสม. ฝ่ายปกครอง ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลเตรียม อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธา ผวจ.พังงา, ส.ส.กันตวรรณ ตันเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.พังงา และ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
นายนิพนธ์ กล่าวว่า การเตรียมการเพื่อรองรับการระบาดของโควิด-19 ในส่วนของจังหวัดระนองและจังหวัดพังงานั้น ได้มีการเตรียมการและวางแผนไว้เป็นอย่างดี และในส่วนของจังหวัดพังงาเอง ก็เป็นจังหวัดลำดับท้ายๆของการมียอดผู้ติดเชื้อฯ
สถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ก็ยังคงต้องติดตามและควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง เพราะความรุนแรงของการแพร่ระบาดจากพื้นที่จังหวัดควบคุมเข้มข้น และพื้นที่ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงยังคงน่ากังวล
บุคลากรทางการแพทย์ พี่น้องฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ผู้บริหารท้องถิ่นนั้น เป็นด่านหน้าสำคัญที่มีความเสี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง และยังถือเป็นใจกลางสำคัญของการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ในทุกพื้นที่ ซึ่งการทำงานเพื่อจัดการโควิดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี นั้น รัฐบาลและพี่น้องประชาชนต่างทราบดีว่าทุกท่านได้เสียสละ ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติไปได้โดยเร็ว ซึ่งต่อไปนี้ยังไม่ทราบระยะเวลาของการสิ้นสุดการระบาดว่าจะมาถึงเมื่อไหร่
ดังนั้น ทุกฝ่ายรวมถึงพี่น้องประชาชนจะต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นใจกลางสำคัญนี้ต้องแบกรับภาระมากจนเกินไป การเดินทางมาในวันนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจสรรพกำลังทุกฝ่ายเพื่อให้ทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนได้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง และมีกำลังใจ รัฐบาลพร้อมดูแลสนับสนุนเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อตั้งเป้าลดการสูญเสียจากโควิด-19