กว่า 3 ปีแล้วที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 และดูเหมือนว่าศึกครั้งนี้จะยังไม่มีท่าที ที่จะจบลง ขณะเดียวกันการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์โอมิครอน ก็ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด โดย บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ ได้เริ่มดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด – 19 มานับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด สอดคล้องกับค่านิยมของเครือซีพี ที่ยึดหลัก 3 ประโยชน์เป็นที่ตั้ง คือ เพื่อประเทศชาติ เป็นอันดับแรก ต่อมาคือเพื่อประชาชน และเพื่อองค์กรเป็นลำดับสุดท้าย
ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ ได้เดินตามรอยแนวทางเดียวกับเครือซีพีในการทำประโยชน์ให้กับชาติ ประชาชน และ สังคม ผ่าน 4 โครงการหลัก ภายใต้งบประมาณ 88 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านตัวแทนพนักงานร้านกว่า 200,000 คน และผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่นอีกกว่า 13,000 สาขาทั่วประเทศ ทั้งโครงการส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล 50 แห่งทั่วประเทศ โครงการเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบผ่านทางมูลนิธิ ชมรม และชุมชนต่างๆ โครงการร่วมมือกับเพจอีจัน ส่งมอบออกซิเจนและนมให้กับมารดาและลูกที่ต้องกักตัว แจกคูปองให้กับคนติดโควิด คนตกงานเพื่อมารับข้าวสารและอาหารแห้งที่เซเว่นฯทุกสาขา โครงการช่วยค่าครองชีพ ลดราคาอาหารสินค้าภายในร้านเซเว่นฯ และโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2563 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับแพทย์ พยาบาล ประชาชนทั่วประเทศ รวมไปถึงพระสงฆ์ ด้วยการสนับสนุนโรงทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับวัดและชุมชนในช่วงที่ออกบิณฑบาตไม่ได้ จนถึงตอนนี้ ซีพี ออลล์ ยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” โดยการส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์, หน้ากากอนามัย, แอลกอฮอลล์ทำความสะอาด, เครื่องวัดอุณหภูมิ, น้ำดื่ม รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภค ให้กับโรงพยาบาล หน่วยงานราชการ, วัด, ภาคประชาสังคม และกลุ่มเปราะบาง
อีกหนึ่งภารกิจอันสำคัญที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของซีพี ออลล์ คือการผนึกกำลังกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทในเครือ และพันธมิตรอย่าง บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ปรับปรุงคลังสินค้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ สร้างโรงพยาบาลสนาม "ซีพี – ดับบลิวเอชเอ - จุฬารัตน์" ให้เป็นโรงพยาบาลสนามที่มีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลหลัก เพิ่มโอกาสให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้เข้าถึงระบบการรักษา โดยรับดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มระดับสีเขียวและสีเหลือง จำนวนกว่า 600 เตียง มาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม ปี 2564 ที่ผ่านมา
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้เผยถึงแนวคิดของการ สร้างโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ว่า มาจากการที่เครือซีพีในฐานะบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่าหนึ่งศตวรรษใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร จึงมีความสำนึกและความกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ ที่ทรงห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ ของประชาชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระครบ 5 ปีวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสืบสานพระราชปณิธาน จิตอาสาของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อแผ่นดิน ด้วยความตั้งใจของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มีความห่วงใยถึงคนไทยที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้ระดมสรรพกำลังบริษัทในเครือฯ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ซีพี ออลล์ สร้างโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ขึ้นมาจนแล้วเสร็จภายใน 25 วัน สอดคล้องกับหลักค่านิยมองค์กร “ทำเร็วและมีคุณภาพ” ที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ให้หายและมีสุขภาพแข็งแรง จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
“ซีพี ออลล์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสร่วมกับเครือซีพีและทุกกลุ่มบริษัทในเครือ รวมไปถึงกลุ่มพันธมิตรอย่าง บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโรงพยาบาล ซีพี –ดับบลิวเอชเอ –จุฬารัตน์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามมาตรฐาน ระดับภูมิภาค มีมาตรฐานเทียบเท่ากับโรงพยาบาลหลัก จนสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อช่วยชีวิตคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส โควิด-19 ให้ก้าวผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้”
ตลอดระยะเวลาในการดำเนินงานของโรงพยาบาล ซีพี –ดับบลิวเอชเอ –จุฬารัตน์ ได้ช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ไปแล้วกว่า 3,313 ราย ด้วยความพร้อมทางด้านระบบการแพทย์เต็มรูปแบบที่มีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลหลัก และเพื่อให้การติดตามอาการและทำการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงได้มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อาทิ การติดตั้งท่อระบบระบายอากาศบริเวณหัวเตียงผู้ป่วยเพื่อดูดไอระเหยจากผู้ป่วยแต่ละเตียง การวางระบบอากาศภายในโซนดูแลผู้ป่วยในระบบ Negative pressure เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากในห้องไปสู่บริเวณอื่นๆ ขณะที่โซนของเจ้าหน้าที่ แพทย์พยาบาลเป็น Positive pressure เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อเข้ามาในห้อง การติดตั้งระบบก๊าซทางการแพทย์ ระบบออกซิเจนในทุกเตียง ซึ่งเป็นระบบจ่ายก๊าซเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยและช่วยในการทำงานของเครื่องมือแพทย์ การติดตั้งเครื่องให้ออกซิเจนด้วยอัตราการไหลสูง (High Flow O2 FLO) และเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ ระบบไตเทียม Mobile เพื่อรองรับเคสที่มีภาวะแทรกซ้อน รวมถึงมีห้องแล็ป ห้องเอ็กซเรย์ ห้องยาและเวชภัณฑ์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งกล่องระบบสื่อสารบริเวณหัวเตียงผู้ป่วยในโซนสีส้มทุกเตียงเพื่อให้สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ทันที และมีการติดตั้งระบบสื่อสาร 5G ทั้งระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต CCTV อินเทอร์คอม และระบบเสียงตามสายทั่วพื้นที่โรงพยาบาลสนาม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วย
นอกจากนี้ ซีพี ออลล์ ยังพร้อมเป็นแรงสนับสนุนผนึกกำลังร่วมร้อยเรียงความดีกับเครือซีพีผ่านทางโครงการต่างๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในช่วงที่เกิดการระบาดโควิด-19 เครือซีพี นำโดยประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ มีความห่วงใย และเข้าใจถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่การขาดแคลนหน้ากากอนามัย จนนำมาสู่การสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยซีพี เพื่อแจกฟรีแก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และประชาชนกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 5 สัปดาห์และเริ่มแจกจ่ายเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 จนถึงปัจจุบันยังคงเดินหน้าผลิตและแจกจ่ายฟรีไปแล้วกว่า 32 ล้านชิ้น ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระลอกที่ 3 สนับสนุนงบประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับโรงพยาบาลสนาม ของโรงพยาบาลต่างๆ
ผ่านทาง “โครงการซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” โครงการ "ครัวปันอิ่ม" ผนึกกำลังทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กร มูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคมและองค์กรเอกชน แจกอาหาร 2 ล้านกล่อง กระจายสู่ชุมชนใน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ และ โครงการซีพีปันปลูกฟ้าทะลายโจร แจกฟ้าทะลายโจรฟรีจำนวนกว่า 30 ล้านแคปซูล เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันโควิด-19
“ซีพี ออลล์ ยินดีและพร้อมที่จะสนับสนุนเครือซีพี และทุกกลุ่มบริษัทในเครือฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทยในทุกๆวิกฤต เพราะเราเชื่อว่าการทำเพื่อคนอื่น จะต้องเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ เป็นประโยชน์ต่อสังคมที่เราอยู่ เพราะถ้าหากสังคม อยู่ไม่ได้ ซีพีออลล์ ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน สุดท้ายจึงอยากฝากให้ประชาชนคนไทยทุกคนต้องสู้และสู้ต่อไป ถึงแม้ 2 ปีที่ผ่านมา จะเหมือนอยู่ในโพรง แต่ตอนนี้เมื่อเราเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว เราจะออกไปจากอุโมงค์ด้วยกัน เพื่อสู้ต่อไปสำหรับคนไทยทุกคน”