ปัจจุบัน ประเทศไทยมีเด็กช่วงอายุ 0-17 ปี ประมาณ 13 ล้านคน และเยาวชนอายุ 18-25 ปี ประมาณ 7 ล้านคน คิดเป็นกว่า 30% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ถือเป็นประชากรกลุ่มสำคัญ ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต แต่ก็มีเด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อย ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเรียนรู้ และขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และนั่นคือ พันธกิจของ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ เพื่อเด็กและเยาวชน ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือกับเด็กและเยาวชนเหล่านั้น
มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ เป็นองค์กรการกุศลที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับมูลนิธิฯ เข้าไว้ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ 26 กุมภาพันธ์ 2537 โดยมูลนิธิฯ เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2500
บทบาทสำคัญของ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ คือ การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมทางสังคม ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นอนาคตของประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์หลัก คือ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ร่วมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา
นอกจากนี้ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ยังผลักดันโครงการอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยที่บ้าน โครงการเสริมสร้างและพัฒนาสุขอนามัย สุขภาวะ และสาธารณสุข โครงการยุวเกษตรสร้างเกษตรธุรกิจ (ภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยปราชญ์ชาวบ้าน เช่น โรงเรียนผาขวาง นำผู้เฒ่าผู้แก่มาสอนทักษะงานฝีมือในกับนักเรียน) โครงการเยาวชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง สร้างความยั่งยืนด้วยการทำงานร่วมกับแกนนำเยาวชนและครอบครัวต้นแบบ ให้อยู่อย่างพอเพียง ใช้อย่างเพียงพอ หรือ โครงการนักธุรกิจน้อยพลังบวก สนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการรายย่อย และการสร้างกลุ่มอาชีพ
รวมถึง “โครงการเพาะรัก” ซึ่งเชิญชวนให้ผู้มีกำลังทรัพย์ ได้มอบโอกาสตั้งต้นให้เด็กและเยาวชนที่ยังขาดโอกาส เพื่อการ “ปลูกคน ปลูกอนาคต” ภายใต้แนวคิด การพัฒนาเด็กอย่างมั่นคง ยั่งยืนด้วยการมอบความรัก ความห่วงใย ให้การสนับสนุนทุนการศึกษา รวมถึงให้โอกาสเด็กและครอบครัวได้พัฒนาทักษะอาชีพและทักษะชีวิตด้วย
"มณีนุช เยเพียว" หนึ่งในผลผลิตจากการ “เพาะรัก” อดีตเด็กในโครงการของมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนปัจจุบันอายุ 24 ปี ที่ประสบความสำเร็จได้ดิบ ได้ดี ทำงานที่ อบต.แม่สลองนอก ในตำแหน่งธุรการ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เป็นอาชีพที่เกินฝัน เพราะจากคนรอบตัวที่ไม่ได้เรียนต่อ ส่วนใหญ่ต้องเข้าเมืองมาทำงานโรงงาน เป็นเด็กเสิร์ฟ แต่เมื่อ "มณีนุช" ได้เข้าร่วมโครงการฯ ทำได้ได้โอกาสเรียนจนจบ ปวช. ได้เข้าร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์ และกิจกรรมอบรมกับเจ้าหน้าที่ เสริมสร้างพัฒนาการทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น ได้เป็นตัวแทนกับเพื่อนๆ ร่วมกิจกรรมกับ สสส. เพื่อพัฒนาชนเผ่าของตัวเองให้ดีขึ้น โดยการนำเสนอวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตในคนชนเผ่าอาข่า
ตลอดเส้นทางยาวนานกว่า 64 ปีของการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสกว่า 4 หมื่นคน ในพื้นที่ห่างไกล 34 จังหวัดทั่วประเทศไทย ก่อให้เกิดผู้รับผลประโยชน์นับแสนคนในแต่ละปี มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ วันนี้ พร้อมเดินหน้า ปลูกคน ปลูกอนาคต ผ่านโครงการ “เพาะรัก” ร่วมกับทุกท่านที่ประสงค์แบ่งปันสร้างอนาคตที่ดีให้กับเด็กไทย ผ่าน มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ฯ โทร 02 747 2600 หรือที่ https://bit.ly/3LCJtNf หรือแสกน QR code นี้