ถ้าหากพูดถึงวิธีที่สามารถลดกรามได้ โดยไม่ต้องมีการผ่าตัด ทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน หลายๆคนก็คงจะนึกถึงการฉีดโบท็อกหน้าเรียว ที่ทำให้กรามดูเล็กลงได้ ซึ่งสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วภายใน 7-14 วัน แต่จะเลือกฉีดที่ไหนดี? มีอะไรที่ต้องรู้บ้างเราเตรียมคำตอบไว้ให้แล้วค่ะ
ฉีดโบท็อกลดกรามคืออะไร?
ฉีดโบท็อกลดกราม คือ การใช้สาร (Botulinum toxin Type A) เข้าไปสู่ในส่วนของตรงกล้ามเนื้อบริเวณกราม (เป็นการลดขนาดกล้ายเนื้อแบบเฉพาะจุด) โดยการทำงานของโปรแกรมฉีดโบท็อก จะมีการออกฤทธิ์ที่ทำให้ตรงกล้ามเนื้อบริเวณที่มีการฉีดเข้าไปอ่อนแรงลง หรือเป็นการหยุดทำงานชั่วคราว และเมื่อกล้ามเนื้อมีการอ่อนแรงลงก็จะทำให้ไม่สามารถมีการขยับกล้ามเนื้อได้บ่อยครั้ง ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อมีการยุบตัวลงนั่นเอง
ฉีดโบท็อกลดกรามช่วยอะไรบ้าง?
ช่วยลดกล้ามเนื้อกราม ช่วยกระชับกรอบหน้า ให้ดูคมขึ้น ช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียว ช่วยลดกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ช้าลง ทำให้กรามมีขนาดที่เล็กลง ช่วยลิฟกรอบหน้าได้อย่างชัดเจน ทำให้ใบหน้าเรียวสวยเข้ารูปทรงมากยิ่งขึ้น
ฉีดโบท็อกลดกรามเหมาะกับใครบ้าง?
ฉีดโบท็อกลดกรามต้องใช้กี่ unit?
แพทย์จะมีการใช้ตัวยาไม่เกินข้างละ 30 Unit เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและกล้ามเนื้อดูเล็กลง แต่หากมีการใช้ตัวยาที่มากกว่านี้บริเวณแก้มอาจจะดูตอบ ดูอิดโรยไม่สดใสขึ้นได้
หลังฉีดโบท็อกลดกรามทำไมหน้าแข็งยิ้มไม่สุด?
อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีการฉีดผิดตำแหน่ง เพราะ 2 สาเหตุหลักๆได้แก่
- กล้ามเนื้อกรามจะมีจุดที่จำเป็นต้องมีการฉีดใกล้กับกล้ามเนื้อ Risorius ถ้าหากแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์จะมีการระมัดระวังในจุดนี้เพื่อไม่ให้เกิดอาการแข็งหรือยิ้มไม่สุดได้
- เกิดจากการใช้ตัวยาปลอม เพราะตัวยาจึงมีการกระจายตัวที่ไม่มีความสม่ำเสมอ จึงทำให้บริเวณกรามดูเป็นก้อนๆแข็งๆผิดธรรมชาติ
ทำไมหลังฉีดโบท็อกลดกรามแก้มตอบ?
แพทย์ใช้ตัวยามากจนเกินไป หรือมีการฉีดผิดตำแหน่ง จึงทำให้กล้ามเนื้อกรามด้านบนมีการยุบจนเห็นแก้มตอบ หน้าตอบ และทำให้กระดูกโหนกแก้มดูมีความนูนเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ฉีดโบท็อกลดกรามอันตรายไหม?
ฉีดโบทอกลดกรามไม่อันตราย หากใช้ตัวยาแท้จะสามารถช่วยสลายออกไปเองได้ตามธรรมชาติได้ และ ไม่ตกค้างในร่างกาย ที่สำคัญมีการเลือกทำโปรแกรมฉีดโบท็อดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ที่มีเชี่ยวชาญระบบประสาทใบหน้าและการปรับรูปหน้าจะช่วยวิเคราะห์ประเมินใบหน้า และมีการช่วยแนะนำรุ่น ยี่ห้อของตัวยาได้อย่างเหมาะกับคนไข้แต่ละเคสได้อย่างเหมาะสมปลอดภัย
ทำไมฉีด Botulinum Toxin A แล้วไม่เห็นผล?
ในกรณีที่ฉีด Botulinum Toxin A แล้วแล้วไม่เห็นผลสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ตัวยาอาจมีการผสมน้ำเกลือที่มากจนเกินไป จึงทำให้ตัวยาถูกเจือจางลง
- ตัวยาอาจจะมีการกระจายตัวไปที่จุดข้างเคียง จึงทำให้ขนาดของกรามไม่ค่อยลดลง
- แพทย์อาจมีการฉีดไม่ถูกตำแหน่งของกล้ามเนื้อ จึงทำให้ไม่เห็นผล
- อาจเกิดขึ้นจากอาการดื้อโบท็อก จากการฉีดโบท็อกบ่อยเกินไปหรือฉีดในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นรวมถึงเคยฉีดโบท็อกปลอมหรือโบท็อกไม่ได้มาตรฐาน
ดื้อโบท็อกมีอาการอย่างไร?
- การดื้อโบท็อก ร่างกายจะไม่ตอบสนองกับ Botulinum Toxin A ทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล ซึ่งอาจเกิดจากคนไข้เคย ได้รับการฉีดโบท็อกปลอมมา แล้วเปลี่ยนไปฉีดตัวยาแท้
- ต้องใช้ปริมาณโบท็อกมากกว่าที่เคย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เท่าเดิม
- ระยะการออกฤทธิ์ของโบท็อกสั้นลง ทำให้ต้องฉีดเติมโบท็อกหน่อยขึ้น
ดื้อโบท็อกแก้ไขได้อย่างไรบ้าง
อาการดื้อโบท็อกไม่สามารถรักษาให้หายได้ อาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ปีหรือนานกว่านั้นเพื่อรอให้ภูมิคุ้มกันร่างกายหมดฤทธิ์ไปเอง
รีวิวผู้รับบริการฉีดโบท็อกลดกราม ก่อนและหลัง
ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล รวมถึงปริมาณการฉีดโบท็อกแต่ละคนอาจใช้จำนวนยูนิตไม่เท่ากันขึ้นกับปริมาณกล้ามเนื้อของคนไข้ท่านนั้นๆ
สรุปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อโบท็อกควรทำอย่างไร?
ผู้เข้ารับบริการต้องเลือกรับบริการฉีดโบท็อกที่เป็นตัวยาของแท้กับคลินิกมาตรฐานโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีด เพื่อแพทย์จะพิจารณาใช้โบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมและ มีการเว้นระยะห่างของการฉีดในแต่ละครั้งตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนและป้องกันการดื้อโบท็อกเพราะโบท็อกนำเข้าแท้ที่ได้มาตรฐานอย. ต้องสั่งโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาตและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น