สำหรับสาวๆหรือผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีความกังวลตรงบริเวณผิวใต้ตา และการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ รวมถึงการพักผ่อนน้อยอาจส่งผลให้ใต้ตาเกิดการหมองคล้ำ ขอบตาดำอย่างเห็นได้ชัด การแก้ไขปัญหานี้ด้วยฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ใต้ตาดูสดใสและรอยคล้ำหายไปได้จริงหรือไม่? มาดูคำตอบไปพร้อมกัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร? ช่วยอะไรบ้าง?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารชนิดจองกลุ่มที่มีไฮยาลูรอนิค แอซิด เพื่อเข้าไปสู่ในบริเวณผิวใต้ตาที่มีปัญหาพวกริ้วรอย จากการที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นกระดูกตรงบริเวณใต้ตาจะมีการยุบตัว และ มีกล้ามเนื้อน้อยลง จึงทำให้ผิวหนังมีความหย่อนคล้อย หน้าจะดูโทรม ๆดูอ่อนล้า และเกิดเป็นร่องรอยใต้ตาขึ้นได้ โดยสามารถช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้ดังต่อไปนี้
1.ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา
2.ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ
3.ช่วยลดขนาดของถุงใต้ตา
4.ช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณใต้ตา
5.ช่วยทำให้ใบหน้ากลับมาดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม?
หากใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีความชำนาญการจะดูแลให้ความปลอดภัยได้แน่นอน ที่สำคัญต้องใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแท้เท่านั้น เพราะสามารถสลายได้หมด จึงไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใต้ตาอีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน?
การใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรมีการดูแลตัวเอง และ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้ตัวยามีการสลายไปเร็วกว่าปกติ เพื่อช่วยรักษาตัวยาให้อยู่ได้นานขึ้นโดยทั่วไปตัวยาจะอยู่ได้ 6-18 เดือน ต่อการฉีด 1 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของตัวยาที่เลือกใช้ร่วมด้วย)
ใครบ้างที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1.เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่เกิดการ หย่อนคล้อย และ มีถุงใต้ตา
2.เหมาะกับผู้ที่มีขอบตาดำ ตาดูลึก ตาดูโหล ทำให้หน้าดูโทรมมากขึ้น
3.เหมาะกับผู้ที่ต้องการช่วยเติมเต็มการยุบตัวของกระดูกใต้ตา
4.เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาเกิดจากลักษณะของ ทางพันธุกรรม
5.เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใต้ตาแต่กลัวเจ็บตัว ไม่อยากผ่าตัดและต้องการเห็นผลอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องมีการพักฟื้น
ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่?
แพทย์จะมีการปรึกษาปัญหาของแต่ละเคส และ โดยจะมีการพิจารณาเป็นแบบเคสๆ ไป แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้คัวยา 1-2 CC เท่านั้น เพื่อให้ได้ใต้ตาที่ดูเป็นธรรมชาติและดูไม่บวมมากจนเกินไป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?
สำหรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นในตัวยาจะมีการผสมของยาชาอยู่ด้วย ระหว่างตะหัตถการแพทย์จะมีการแปะยาชาให้คนไข้ก่อนทุกครั้งเพื่อช่วยลดความเจ็บจากรอยเข็ม ระหว่างหัตถการคนไข้จึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆได้ เพราะยาชามีการออกฤทธิ์ประมาณ 30 นาทีและ แพทย์ใช้เวลาทำประมาณ 15-25 นาทีเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
1.ควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยตัวเอง
2. ควรเลือกคลินิกที่ใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างละเอียดทุกครั้ง
3. ควรมีการดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงของทางคลินิกนั้นๆ
4. งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน, NSAIDs และงดวิตามินทุกชนิ 2 สัปดาห์
5.งดผลัดเซลล์ผิว งดการแว็กซ์ 2 สัปดาห์
6. งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 72 ชั่วโมง
วิธีปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
เพื่อให้ได้ผลจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่บวมเป็นก้อน หรือไม่ทำให้เกิดการอักเสบควรปฏิบัติตัวดังนี้
1.ควรอยู่ในที่ๆมีอากาศเย็นอยู่ตลอดเวลา
2.ควรเลี่ยงความร้อนทุกชนิด 48 ชั่วโมงแรก
3. ควรงดการใช้โปรแกรมเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว 1 เดือน
4. ควรมีการดื่มน้ำให้มากๆ
5.ควรทายาตามที่แพทย์แนะนำอยู่เสมอ
อยากให้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปอยู่ได้นานนานควรทำอย่างไร?
1.หากจำเป็นต้องออกแดด ควรมีการทาครีมกันแดด ที่มี SPF50+++ ทุกครั้งเพื่อช่วยป้อนกันไม่ให้ตัวยามีการสลายเร็วกว่าปกติ
2.ควรมีการเลี่ยงอาหารที่มีความร้อนสูง เพื่อช่วยให้ตัวยายังคงสภาพที่ดีเอาไว้
3.ควรเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง เพื่อช่วยให้ตัวยาไม่จับตัวกันเป็นก้อนๆ
4.ไม่ควร นวด กด จับ เกาอยู่บ่อยครั้งหรือลงมืออย่างรุนแรง เพื่อช่วยให้ตัวยาไม่เคลื่อนที่และไหลผิดรูปทรง
5.ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆกว่าปกติ เพื่อช่วยให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น และเป็นการช่วยยืดอายุของตัวยาได้อีกด้วย
สรุป
เมื่อทราบถึงข้อดีและข้อห้ามหลังใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ควรมีการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพที่ดี ได้รูปทรงอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สามารถช่วยให้คุณกลับกลายเป็นคนใหม่ได้แค่พริบตาเดียว หากยังมีข้อสงสัยอื่น ๆ ที่ไม่มั่นใจ แนะนำว่า ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทุกครั้ง