“ เงินเฟ้อพุ่งแรง ” คือโจทย์สำคัญของธนาคารกลางทั่วโลกที่ต่างงัดนโยบายการเงิน เพื่อสู้ศึกเงินเฟ้อให้อยู่หมัด อย่างการประชุม FOMC ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐก็ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% หรือสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องไปจนระดับ 4.40% ภายในสิ้นปี 2565 และ 4.60% ในปี 2566 ขณะที่บ้านเรา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.00% ในวันที่ 28 ก.ย. 2565 โดยปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ดูแลเศรษฐกิจให้เติบโต และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มีมุมมองว่า แต่มีเสาหลักที่ 4 ที่หายไป คือความเสี่ยงที่จะเกิดเงินไหลออก ทำให้เงินบาทอ่อนค่าแรง ซึ่งสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ยังคงคาดการณ์ว่า กนง. จะกลับมาให้ความสำคัญต่อค่าเงินบาทในภายหลัง และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 1.50% ปลายปีนี้
นายภูดินันท์ เศรษฐนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ พัฒนาผลิตภัณฑ์การเงิน ธุรกิจผลิตภัณฑ์การเงิน และผู้บริหารการขายลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า
- เปลี่ยนเงินเฟ้อเป็นเงินเพิ่ม โอกาสที่เกิดขึ้นในตลาดตราสารหนี้ -
“ การเริ่มส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็จุดประกายให้นักออมเงินคาดหวังว่าจะเห็นดอกเบี้ยเงินฝากค่อยๆ ขยับขึ้นตาม แต่หากมองมาที่ตลาดตราสารหนี้ จะเห็นว่าผลตอบแทนปรับขึ้นและตอบรับข่าวไปล่วงหน้าแล้ว สะท้อนได้จากผลตอบแทนพันธบัตร อย่างรุ่นอายุ 10 ปี สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.89% แต่ล่าสุด ณ วันที่ 28 ก.ย. 2565 ขึ้นมาแล้วที่ 3.29% ซึ่งเราในฐานะธนาคารที่เป็นผู้นำด้านตราสารหนี้ของลูกค้ารายย่อย จึงเร่งเครื่องเดินหน้ายกระดับผลตอบแทนให้กับลูกค้าบุคคล 1-2% ต่อปี ผ่านการขยับเงินฝากทั้งระบบกว่า 8.8 ล้านล้านบาท* เพียงแค่ขยับเงินฝากนิ่งๆในบัญชี มาลงทุนในพันธบัตร/หุ้นกู้ เพื่อให้เงินทำงานได้หนักขึ้น บนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นการสร้างโอกาสที่ไม่ต้องรอ “
“ จากโอกาสนำมาสู่กลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรม สอดรับกับธีมการตลาดในปีนี้ ‘Run for health, Run for Wealth’ ภายใต้แนวคิดที่ว่า คนไทยยุคใหม่ต่างหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่บางครั้งก็อาจลืมใส่ใจกับสุขภาพเงินในกระเป๋า จึงปล่อยให้นอนนิ่งเฉยๆ และนั่นคือหน้าที่ของเรา ในการพาเงินฝากทั้งหมดนั้น ออกมาวิ่งหาผลตอบแทน เพื่อสร้างสุขภาพการเงินที่แข็งแรง ด้วยพันธบัตร/หุ้นกู้คุณภาพดี ซึ่งที่ CIMB Preferred เรามีผู้เชี่ยวชาญพร้อมเป็นที่ปรึกษา เพื่อตอบโจทย์การลงทุนของลูกค้าในหลากหลายมิติตามเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล ”
*ข้อมูลเงินฝากทุกประเภทของบุคคลธรรมดา เดือน ก.ค. 2565 จากธนาคารแห่งประเทศ
นายกรกฏ กมลเนตรพิสุทธิ์ ผู้บริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้และเงินตราต่างประเทศ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า “ ปัจจุบันตลาดตราสารหนี้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางระดมทุนของภาครัฐและเอกชนแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินทรัพย์หลักของนักลงทุนทุกกลุ่ม ด้วยเสน่ห์ที่รู้ผลตอบแทนแน่นอน มีดอกเบี้ยรับระหว่างทาง และทราบวันครบกำหนดที่ชัดเจน ซึ่งเราเองเล็งเห็นแล้วว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยยังโตไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก จึงเริ่มต้นเดินหน้าพัฒนาบริการซื้อ-ขายพันธบัตร/หุ้นกู้ หรือหุ้นกู้ตลาดรอง ตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว “
“ สิ่งที่เรามุ่งมั่นทำมาโดยตลอด เริ่มผลิดอกออกผล ทำให้วันนี้เราก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด และเป็นธนาคารแรกที่ลูกค้านึกถึง หรือ CIMBT Best Bonds House ในใจของลูกค้า ผ่านการนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ ลบภาพเคยชินแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม่ต้องรอ เพื่อจองซื้อหุ้นกู้ตลาดแรกเท่านั้น หรือไม่ต้องรอ ให้พันธบัตร/หุ้นกู้ในมือครบกำหนด เพราะพันธบัตร/หุ้นกู้ สามารถซื้อง่าย-ขายได้ทุกวัน ผ่านบริการซื้อ-ขายพันธบัตร/หุ้นกู้ ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยเติมเสน่ห์ของตราสารหนี้ให้ครบทุกมิติ ”
“ อย่างวันนี้ผลตอบแทนของพันธบัตร/หุ้นกู้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนเองก็หันมาลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่อยากเอาเงินออมไปเสี่ยงกับราคาสินทรัพย์ที่ผันผวน ในขณะที่บริษัทเอกชนเองก็ออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น จะเห็นได้จาก 7 เดือนแรกที่ผ่านมา ออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท แต่หากเทียบเงินฝากทั้งระบบกว่า 13 ล้านล้านบาท หุ้นกู้ออกใหม่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการอยู่ดี ซึ่งสิ่งที่เราตั้งใจทำก็คือ ‘ หุ้นกู้ดีดีมีได้ทุกวัน ‘ เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกซื้อพันธบัตรและหุ้นกู้คุณภาพดีได้ทุกวัน หรือในอีกมุมหนึ่ง แค่เราใส่เทคนิคเพิ่มเติมให้กับพอร์ตตราสารหนี้ เช่น นำพันธบัตร/หุ้นกู้มาขายก่อนครบกำหนด ก็ทำให้เราได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น แถมเป็นเทคนิคที่ทำให้เราสามารถเลือกวันครบกำหนดได้ด้วยตัวเอง นำไปสู่การออกแบบพอร์ตการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดรับได้ทุกปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณก้าวเดินมาที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ” นายกรกฏ กมลเนตรพิสุทธิ์ กล่าวปิดท้าย
รับชมข้อมูลเบื้องต้นได้ ผ่านวีดีโอที่ Facebook Official page ของ CIMBTHAI หรือ https://wealth.cimbthai.com/th/Secondary.html
แคมเปญพิเศษ ยอดขายสะสมทุกๆ 1 ล้านบาท รับ Central E-Voucher มูลค่า 500 บาท ต่อท่าน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ต.ค. 2565
สนใจข้อมูลแคมเปญโทร 02 626 7777 หรือ LINE https://bit.ly/Cimbthaiwealth สนใจรับคำแนะนำการลงทุน ติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ทุกสาขาของธนาคาร