จากปัญหาแหล่งน้ำมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ได้นำไปสู่การทำงานเชิงรุกของสำนักงานชลประทานที่ 9 เพื่อแก้ไขปัญหา โดยการบริหารทรัพยากรน้ำแบบครบวงจร ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580)ในการสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยเน้นการสร้างแหล่งน้ำ การเก็บกักน้ำ และการเชื่อมโยงโครงข่ายน้ำเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน
นายวัชระ กันตังกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมที่ดำเนินการเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมีแหล่งสำคัญของประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า มาบตาพุดคอมเพล็กซ์มีปริมาณการใช้น้ำทั้งสิ้น 4 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากผู้ประกอบการประมาณ 200 ราย ที่ผ่านมากรมชลประทานมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนน้ำให้กับหน่วยงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติมีเชื่อมั่นด้านสาธารณูปโภค และเกิดการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ในระยะยาว
ขณะที่ นายสมบัติ สิทธิโชคธรรม Site Manager บริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการบริหารจัดการระบบน้ำดิบ น้ำประปา น้ำเสีย และบำรุงรักษาผลิต และจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ EEC กล่าวว่า ในช่วงปี 2562 ต่อเนื่องถึงปี 2563 ในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ประสบปัญหาภัยแล้ง ทางกรมชลประทานได้ขอความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิตลงประมาณ 10% เพื่อให้น้ำมีปริมาณเพียงพอในการรองรับการผลิตให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติ
ปัจจุบันทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยังได้เร่งจัดหาแหล่งน้ำจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่จากแหล่งน้ำดิบเพื่อรองรับการลงทุน เช่น การรีไซเคิลน้ำจากน้ำทิ้ง รวมถึงการศึกษาการผลิตน้ำดิบจากน้ำทะเลเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำ และแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในพื้นที่ที่ยังต้องใช้เวลาในการศึกษา เพื่อสร้างความยั่งยืนของแหล่งน้ำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ให้ยังเดินหน้า และขยายตัวต่อไปในอนาคต