20 ก.ย.2565 - จากกรณี 'ฐานเศรษฐกิจ' รายงานเกาะติด 'คดีพิพาทดัง' โครงการ แอชตัน อโศก ซึ่งวันนี้ ศาลปกครองสูงสุด ได้นั่งบังลังก์ พิจารณานัดแรก ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 16 คน ฟ้อง กทม. และการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่ง มีตัวแทนจาก บมจ.อนันดา เป็นผู้ร้องสอด จากกรณีพิพาท โดยชี้ว่า หน่วยงานทางปกครองหลายหน่วยงาน อนุมัติ การก่อสร้างโครงการ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ต่อเนื่องเพิ่มเติมจาก เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง "แอชตัน อโศก" มาแล้วรอบนึง หลังจากพิจารณาว่าโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นอาคารสูงขนาดใหญ่พิเศษ ขนาดความสูง 51ชั้น รวมชั้นใต้ดิน ในพื้นที่ขนาด 2.3ไร่ ในซอยสุขุมวิท 19 แยก 2 รูปแบบ (ขนาดทางเข้า-ออก โครงการ) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดข้อกำหนด พรบ.อาคารชุด และใช้ที่ดินบางส่วนของ รฟม.ผิดวัตถุประสงค์
คาด 1-2 เดือน คดีแอชตันอโศก ชัดเจน
ล่าสุด มีรายงานว่า ตุลาการผู้แถลงคดี ได้ให้ความเห็น ต่อ กรณี รฟม. อนุญาตให้ โครงการแอชตัน อโศก ใช้ที่ดินที่เวนคืน เพื่อเป็นทางเข้าออก ขยายถนนจากความกว้าง 6.4 เมตร เป็น 13 เมตร สอดรับกับกฎหมายควบคุมอาคาร ขณะ รฟม. ได้รับประโยชน์เป็นอาคารจอดรถและอาคารสำนักงานมูลค่า 97 ล้านบาท เป็นการดำเนินการโดยชอบ คำอุทธรณ์จากฝั่งลูกบ้าน และ บมจ.อนันดา ฟังขึ้น
ดังนั้น ตุลาการผู้แถลงคดีจึงมีความเห็นโครงการดำเนินการไปโดยชอบ ควรกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง (ศาลชั้นต้น) ให้ยกฟ้องจำเลยทุกคดี
" ส่วนกรณีที่เจ้าของที่ดินเดิมได้เคยจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินแล้วทำการตัดที่ดินบางส่วนเพื่อทำเป็นถนนสาธารณะพร้อมกับจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายที่ดินแล้วนั้น แต่เมื่อมาทำการสำรวจรังวัดใหม่กลับไม่ปรากฏถนนสาธารณะดังกล่าว จนทำให้ผู้ประกอบการนำไปสร้างคอนโดฯได้นั้น ตุลาการผู้แถลงคดีได้ทำความเห็นเสนอต่อองค์คณะไว้แล้ว "
อย่างไรก็ตาม ต้องเรียนว่า ความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดี เป็นเพียงความเห็นอิสระ "ไม่ได้ " นำมาพิจารณาร่วมกับการตัดสินของตุลาการเจ้าของสำนวน จึงยังต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลปกครองสูงสุดอีกครั้ง คาดว่า ต้องใช้ระยะเวลา 1-2 เดือนจากนี้หรือเร็วสุด 1-2 สัปดาห์
ศรีสุวรรณ ตามติดคดี จี้กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์
ขณะ นายศรีสุรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เผยว่า ทราบว่า องค์คณะในศาลปกครองสูงสุดจะทำคำวินิจฉัยและคำพิพากษา ซึ่งจะสอดคล้องหรือตรงกันข้ามกับความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีก็ได้ และจะส่งไปให้ศาลปกครองกลาง เพื่อนัดคู่กรณีมาฟังคำพิพากษาต่อไป
ซึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเพราะคดีในลักษณะนี้จะใช้เป็นบรรทัดฐานของสังคมในอนาคตต่อไป และยังมีอีกหลายอาคารที่มีชาวบ้านร้องเรียนมายังสมาคมฯว่าก่อสร้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตาม EIA และก่อสร้างได้สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อชาวบ้านข้างเคียงอย่างมาก รวมทั้งการนำพื้นที่ถนนรอบอาคารที่กว้าง 6 เมตร ไปทำสวนหย่อมผิดกฎหมาย ไปจากแปลนซึ่งมีมากกว่า 10 อาคารที่ตรวจสอบพบ ซึ่งสมาคมจะยื่นเรื่องเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป