การประกาศขายที่ดินทำเลทองกลางเมือง 5 แปลง มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เมื่อ 2 เดือนก่อน แม้จะมีนักลงทุนบางกลุ่มสนใจ แต่มองว่า หากเก็บที่ดินรอเวลาซัพพลายถูกดูดชับนำกลับมาปัดฝุ่นขึ้นโครงการใหม่ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า น่าจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากที่ดินในเมืองหายาก ราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลที่มีศักยภาพสูง ล่าสุดได้นำที่ดินแปลงพญาไท เนื้อที่1 ไร่ กลับมาพัฒนาโครงการเดอะรีเซิร์ฟ พญาไทอีกครั้ง จากเดิมต้องการยกเลิกโครงการ แต่เมื่อรัฐบาลผ่อนคลายระยะที่ 6 เปิดคนต่างชาติเข้าประเทศและยังมีความหวังกลุ่มคนจีนจะกลับเข้ามาท่องเที่ยวใช้ชีวิตในประเทศช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตทแวลู บริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทประกาศขายที่ดินในลักษณะคู่ขนานไปกับการพัฒนา โดยมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา หากแปลงไหนขายได้ก็สามารถตัดขายทิ้งเก็บเงินสดในมือ หากเห็นว่าโอกาสมา ดีมานด์มี ในทำเลนั้นสามารถนำกลับมาพัฒนาขึ้นโครงการต่อได้ โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าแพงอย่างจีนที่จะกลับเข้ามา ไตรมาส 4 เพราะต้องการอยู่อาศัยในไทยเพื่อหนีโรคระบาด ตัวอย่างโครงการที่ขายไปก่อนหน้านี้ บริษัทยืดระยะเวลาการผ่อนดาวน์ 3-4 งวดเหมือนลูกค้าคนไทย ตามกติกาเดิมต้องจ่ายคราวเดียว ทั้งก้อน 30% ของราคาขาย ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ต้องรอให้ทั้งจีนและไทยเปิดน่านฟ้าไปมาหาสู่กันได้ก่อน
“ความต้องการซื้ออสังหาไทยของจีนยังมีอยู่มาก เพียงแต่รอเวลาให้ทุกอย่างคลี่คลาย ซึ่งเชื่อว่า ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 เริ่มเห็นการพลิกฟื้นธุรกิจนี้เป็นบวกอยู่บ้าง”
สำหรับทำเลพญาไท นายปิยะมอง ว่าให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูง หากซื้อเพื่อปล่อยเช่า สะท้อนจากแม้มีวิกฤติแต่ราคาที่ดินไม่ลดลงแต่ที่ปรับลดจนเกิดสงครามราคาคือพื้นที่ขายห้องชุด ผู้ประกอบการ ยอมเจ็บตัวเพื่อปิดโครงการ บริษัทจึงไม่สามารถเปิดขาย เพราะไม่สามารถสู้เกมนี้ได้ ตราบใดเมื่อผู้ซื้อต้องการโครงการถูก
นายปิยะ สะท้อนว่า ที่ดินแปลง พญาไท โครงการคอนโดฯเดอะรีเซิร์ฟสูง 27 ชั้น จำนวน 88 หน่วย 1,151 ล้านบาท ห่างจากสถานีบีทีเอส พญาไท เพียง 200 เมตร ก่อนหน้านี้ เคยมีแผนพัฒนาปี 2561 แต่ได้ขยับเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นทำเลกลางเมืองจึงกำหนดราคาขายไว้ที่ 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร สำหรับความคืบหน้า ได้เดินหน้าฟังเสียงชุมชนเบื้องต้น ประกอบการยื่นทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
ขณะที่ดินแปลง 4 ไร่ โครงการเดอะทรี เยื้องเดอะมอลล์ท่าพระแนวรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน เดินทางเข้าใจกลางเมืองเพียง 10 นาที หากมีผู้ซื้อบริษัทยินดีขาย เนื่องจากทำเลนี้มีซัพพลาย สูงต้องรออีก 2 ปี จึงนำมาพัฒนาใหม่
อีกทำเล ที่ดินกว่า 3 ไร่ ถนนประดิพัทธ์ สะพานควาย โครงการเดอะทรี แต่บริษัทมีโครงการ เดอะรีเซิร์ฟ ประดิพัทธ์ ในทำเลใกล้กัน และเป็นทำเล Red Ocean แข่งขันดัมพ์ราคาขายรุนแรง 2 แสนบาทต่อตารางเมตร เหลือเพียง 1 แสนต้นๆต่อตารางเมตร ทำให้บริษัทไม่กล้าเปิดโครงการ อนาคตเตรียมบ่มที่ดินแปลงนี้เพื่อนำออกพัฒนา ในเวลาที่เหมาะสม
เช่นเดียวกับที่ดินกว่า 4 ไร่ ถนนสุขุมวิท 18 ใกล้สถานีบีทีเอสอโศก ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ ไอวี บริษัทมีเป้าหมายพัฒนาเอง แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ แปลงสุดท้าย เนื้อที่ 3 ไร่ ติดถนนสีลม โครงการมิกซ์ยูส แชปเตอร์ สีลม บริษัทมองว่าเก็บไว้รอพัฒนาและทำเลที่ต้องชะลอขึ้นโครงการระยะยาว คือสายสีม่วงและสายสีนํ้าเงิน
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,596 วันที่ 30 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563