นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ (MJD) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.63) บริษัทมีรายได้รวมทุกประเภทธุรกิจอยู่ที่ 3,836 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นรายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการที่อยู่อาศัยถึง 92% ทั้งกลุ่มโครงการที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ อาทิ โครงการเมทริส พระราม 9-รามคำแหง โครงการเมทริส ลาดพร้าว และโครงการที่ทยอยโอนอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ 118 ล้านบาท
“ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของทุกบริษัทที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 อาทิ ผู้บริโภคไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมชมโครงการด้วยตัวเองได้ ผู้ประกอบการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อระบายสินค้าคงค้าง หรือ Inventory เครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ของเราถือเป็นบริษัทแรกๆ ที่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมให้ความสำคัญกับความสามารถในการเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค และเรื่องการรักษาระดับกระแสเงินสดของบริษัทให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ จึงมุ่งเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และจัดแคมเปญ Secret Deal ทำให้เราสามารถระบายสินค้ากลุ่ม Inventory ออกไปได้อย่างต่อเนื่อง สร้างยอดขายและยอดโอนในกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ และยังคงรักษาระดับกระแสเงินสดของบริษัทไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม” นางสาวเพชรลดา กล่าว
นางสาวเพชรลดา กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ในครึ่งปีหลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี เนื่องจากได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2 บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น โดยเฉพาะในหัวเมืองธุรกิจและหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน ธุรกิจประเภทต่างๆ ทยอยกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ รวมถึงธุรกิจโรงแรมในเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้แก่ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา มาริส รีสอร์ท จอมเทียน โรงแรมมาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมมาเวน สไตลิสต์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ และโรงแรมมาเวน สไตลิสต์ โฮเต็ล หัวหิน ซึ่งปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ พร้อมสร้างรายได้กลับมาสู่เครืออย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังปี 2563 บริษัทจะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมอีก 3 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 7,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการมิวนิค สุขุมวิท 23, โครงการมารุ เอกมัย 2 และโครงการมารุ ลาดพร้าว นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทยังสามารถปิดการขายโครงการมาร์ค สุขุมวิท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกัน โครงการที่สร้างเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกทั้งโครงการเมทริส พระราม 9-รามคำแหง และโครงการเมทริส ลาดพร้าว ก็จะยังคงทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน
“กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คือกลุ่มตลาดระดับลักชัวรี่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อสภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่าเซ็กเมนท์อื่นๆ เมื่อประกอบกับความสามารถในการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพให้แล้วเสร็จได้ตามกำหนด เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างทั้งยอดขายและยอดโอนได้อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง และทำรายได้รวมทั้งปีได้มากกว่าปี 2562 ตามเป้าหมายที่วางไว้” นางสาวเพชรลดา กล่าว
ทั้งนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ มีธุรกิจหลักในเครืออยู่ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย 2.กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และ 3.กลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ มีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโครงการระดับลักชัวรี่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค