นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “จากข้อมูลของสมาคมรับสร้างบ้าน ภาพรวมของตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านใน 2563 ช่วงครึ่งปีแรก หดตัวลงไม่น้อยกว่า 20-30% จากสถานการณ์โควิด-19 แต่สำหรับ แลนดี้ โฮม มียอดการเติบโตที่สวนกระแส เพราะคนอยู่บ้านกันมากขึ้นจึงต้องการขยับขยายหรือสร้างบ้านเพิ่มขึ้น และลูกค้าต้องการความมั่นใจว่าบ้านที่สร้างจะเสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนดและได้บ้านคุณภาพ แลนดี้ โฮม จึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ลูกค้าคิดถึง โดยในครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถทำยอดขายไปได้กว่า 1,100 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ถึง 27% และสำหรับเป้าหมายในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 75% ต่างจังหวัด 25% มาจากกลุ่มบ้านหลังเล็ก (ราคา 2-5 ล้านบาท) ประมาณ 22% กลุ่มบ้านขนาดกลาง (ราคา 5-15 ล้านบาท) คิดเป็น 48% และกลุ่มบ้านหรู (ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป) คิดเป็น 30% บริษัทฯ มั่นใจว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายซึ่งนั่นจะหมายถึงเรามีการเติบโตจากปีที่ผ่านมาที่ 10%”
สำหรับแผนกลยุทธ์ทางการตลาด นางสาวภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า “ตลอดการดำเนินงาน 32 ปี ที่ผ่านมา แลนดี้ โฮม ยึดมั่นแนวทางการดำเนินงานแบบ Always Ahead ที่เน้นการพัฒนาก้าวก่อนใครในทุกด้าน เช่น การออกแบบบ้านใหม่ๆที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมากกว่า 300 แบบ การให้บริการที่ครบวงจร รวมถึงเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเรามุ่งหวังให้คนไทยได้บ้านที่มีมาตรฐาน และคุณภาพชีวิตที่ดีในราคาที่จับต้องได้ ภายใต้แนวคิด Landy Life บ้านสบาย ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น Nova System นวัตกรรมระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป, Landy Home Cooling นวัตกรรมบ้านเย็นอยู่สบาย, CP Design นวัตกรรมบ้านปลอดแมลงสาบ, FR System นวัตกรรมบ้านหนีน้ำ, Landy Elder Care นวัตกรรมบ้านเพื่อผู้สูงอายุ และล่าสุดเทคโนโลยี CAP+ สมดุลอากาศเพื่อพัฒนาการอัจฉริยะของลูกน้อย”
นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงนวัตกรรม Clean Air Positive Pressure หรือ CAP+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแลนดี้ โฮม ว่า “การเลี้ยงดูเด็กเล็กนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องพัฒนาการด้านสมองและสติปัญญาควบคู่ไปกับสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เทคโนโลยี CAP+ จะสามารถช่วยควบคุมคุณภาพอากาศภายในตัวบ้าน ให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อพัฒนาการด้านสมองและการนอนหลับที่มีคุณภาพ พร้อมลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันมีผลต่อระบบประสาทและสติปัญญา ตลอดจนสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยเน้นเจาะกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็กในบ้าน”
เทคโนโลยี CAP+ คือเทคโนโลยีควบคุมคุณภาพอากาศ ที่มีกระบวนการทำงานด้วยการดึงอากาศภายนอกเข้ามาภายในบ้านผ่านระบบต่างๆ โดยลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ รักษาระดับออกซิเจน ลดฝุ่น PM 2.5 อีกทั้งยังช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและความชื้น จึงเป็นระบบที่สร้างสมดุลอากาศ เน้นการหมุนเวียนในอากาศให้มีสภาวะอากาศที่ดี เหมาะต่อพัฒนาการด้านสมองของเด็กในวัยเรียนรู้ และการนอนหลับที่มีคุณภาพ รวมถึงสุขภาพที่ดีของทุกคนในบ้าน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการรับรองจาก เอสจีเอส บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ วิเคราะห์ รับรองคุณภาพระบบชั้นนำโลก จากเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งแลนดี้ โฮม ได้ค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีตัวนี้ เพื่อให้มาตอบโจทย์ที่พ่อแม่ให้ความสำคัญกับเรื่องพัฒนาการทางสมองของลูก และการนอนหลับที่มีคุณภาพของทุกคนในครอบครัว
“ระบบ CAP+ ได้รับการออกแบบให้ลูกค้าสามารถดูแลทำความสะอาดส่วนกรองอากาศได้อย่างง่ายดาย เพื่อความประหยัด คุ้มค่า อุปกรณ์สามารถถอดล้างและใช้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน และในอนาคต ระบบ CAP+ จะถูกติดตั้งในบ้านทุกหลังให้เป็นสเปคมาตรฐานของแลนดี้ โฮม, เทรนดี้ โฮม และแลนดี้ แกรนด์ ซึ่งถือเป็นพันธกิจหลักของ แลนดี้ โฮม ที่มุ่งมั่นสร้างบ้านให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในราคาที่สามารถจับต้องได้” นายพานิชกล่าว