บิ๊กแสนสิริ เขย่า "ตลาดคอนโดฯ" แรง ผุดทวีต ลงชื่อ รับส่วนลดหนัก

สร้างความตื่นตัวทางเศรษฐกิจ การเมือง และปรากฎการณ์ในโอกาสทางธุรกิจได้เสมอ สำหรับ CEO เบอร์ใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย นาย เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่มักใช้ช่องทางทางโซเซียลมีเดีย อย่าง ทวิตเตอร์ เป็นกระบอกเสียงในการนำเสนอความเห็นต่อกรณีต่างๆ รวมถึง แนวคิดในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการรับรู้ เปลี่ยนแปลง และสร้างแบรนด์ดิ้งอย่างชาญฉลาดด้วย

ย้อนไปในปี 2563 นายเศรษฐา ผลักดันการขายโครงการของแสนสิริ ผ่านการตลาดอย่างหนัก จากแคมเปญ โปรโมชั่น ลดราคารุนแรงที่สุดรายหนึ่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้กลยุทธ์ เดินเกมเร็วด้วย “Speed to Market” และการช่วยเหลือลูกค้าผ่าน “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” เพื่อให้เกิดกระแสเงินสด ขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการขายได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 โดยยุทธศาสตร์ “Cash is King” นั่นเอง ทำให้ บริษัท มีกระแสเงินสดในมือราว 1.5 หมื่นล้านบาท และ สร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์จากการขาย ปี 2563 ไปได้ถึง  45,000 ล้าน โตจากปีก่อน 45%

ขณะปี 2564 นายเศรษฐา นักการตลาดตัวพ่อ ประกาศว่า จะเป็น“ปีแห่งความหวัง” (The Year of Hope) วางเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าพรีเซล 26,000 ล้านบาท และเป้าโอน 27,000 ล้านบาท ด้วยแผนเปิด 24 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ภายใต้การปรับตัวเร็วรองรับทุกสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน 

โดยกุญแจสำคัญในการขายและหารายได้ของบริษัท ยังคงเป็น Speed to Market เพื่อแข่งกับสภาพตลาด ผ่านทำธุรกิจด้วยความรวดเร็วและแรง ตรงใจลูกค้า 

ล่าสุดวันนี้ (11 มี.ค.) นายเศรษฐา เขย่ากลยุทธ์การขายในตลาดคอนโดฯอีกครั้ง ด้วยการใช้ทวีตเตอร์ส่วนตัว @Thavisin ทวีตข้อความสั้นๆ เรียกแขก หรือ ลูกค้า ซึ่งหากเปรียบแล้ว คงเป็นปรากฎการณ์ไม่บ่อยนัก ที่คนระดับ CEO จะลงมาขายของเอง แบบตรงๆ เปรี้ยงๆ เช่นนี้ 

คอนโดทำเลรัชดา - เกษตร - ราม - บางนา ราคาเริ่มแค่ 1.29ล้าน!!! ใครอยากได้ลงชื่อใต้ทวีตและรับส่วนลด 40,000 จากผมไปเลย...มีไม่มากครับ รีบหน่อย

โดยทันทีที่เปิดช่องคอมเม้นท์ลงทะเบียน พบได้รับการตอบรับอย่างตื่นตัวสำหรับแฟนคลับ หรือ ว่าที่ลูกค้าในอนาคตอย่างหนาแน่น 

ทั้งนี้ สำหรับโครงการดังกล่าว คาดว่าจะมีการเปิดการขายเร็วๆนี้ ตามแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564 ที่ระบุว่า จะมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมจำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,100 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะอยู่ในเซกเมนต์ Affordable ราคาเข้าถึงได้ในระดับ ล้านต้นๆ