ความคาดหวัง “เศรษฐกิจฟื้นตัว เปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดิมถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือน กรกฎาคม ปี 2564 อาจถูกสกัดดับฝันลงอย่างฉับพลัน เมื่อการระบาดของโควิดระลอก 3 ที่เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ยังคงน่ากังวล และน่าวิตกกว่าครั้งไหนๆ จากความหลากหลายและความรุนแรงของเชื้อ โดยแม้ขณะนี้ อสังหาริมทรัพย์ไทยยังไม่สามารถประเมินผลกระทบ ที่มีต่อการเติบโตในตลาดได้ชัดเจน แต่นั่นได้ส่งผลต่อจังหวะ การขยับของผู้พัฒนาอสังหาฯ ในหมวดที่ผูกโยงกับการท่องเที่ยวไทยโดยตรง 1 ในนั้น คือ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต หัวหิน ผ่านโครงการโรงแรม รีสอร์ท และคอนโดมิเนียมหรู เช่น ศรีพันวา
ซึ่งไตรมาสแรกของปี ปรากฎรายได้รวม 539.8 ล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากปีก่อนหน้า จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัย แต่พบรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม ยังคงลดลงถึง 70 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ระบุ พบโอกาสใหม่ในวิกฤต เชื่อมั่น “เรียลดีมานด์” เป็นตลาดสำคัญที่จะช่วยให้อยู่รอด เปิดน่านน้ำใหม่หลังวิกฤติ “บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่” พ่วง “ธุรกิจเวลเนส” อย่างไรก็ตาม ตลาดต้องมีแรงหนุน ขอรัฐเร่งแก้กฎหมาย เปิดทางชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯ ราคาแพง ดึงเม็ดเงินใหม่ มาฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศและระบายสต็อกของอสังหาริมทรัพย์ไทย
ชูบ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชัวรี่
สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา รอบแรกจนถึงปัจจุบัน ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมได้รับผลกระทบหนักสุด โดยโรงแรมในเครือของบริษัทฯ ทั้งศรีพันวา ภูเก็ต, โรงแรม บาบาบีช คลับ นาใต้ และโรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน ต่างได้รับผลพ่วงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบริษัทอยู่รอดผ่านการปรับตัวหลายด้าน โดยบทเรียนที่เกิดขึ้นนั้น ได้เรียนรู้ที่จะประหยัดมากขึ้น คำนึงถึงสภาพคล่องในช่วงวิกฤติ, ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และการสร้างทีมงานที่กระชับ ไม่ใหญ่จนเกินไป รวมถึงการเห็นถึงความสำคัญของระบบเทคโนโลยี ที่สามารถนำมาใช้ทดแทนแรงงานคนได้
ส่วนในแง่การพัฒนาโครงการเพื่อขายนั้น โควิดเป็นเครื่องการันตรี ว่า โปรดักส์ที่มีคุณภาพ คุ้มค่า เศรษฐกิจแย่แค่ไหน ก็ยังสามารถขายได้ โดยเฉพาะในตลาดพรีเมียม ของดี ราคายุติธรรม ยังเป็นที่ถามหา สะท้อนจากยอดขายโครงการ บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ เช่น โครงการอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, โครงการบ้านอิสสระ บางนา ที่มีการทยอยก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด สร้างยอดขาย ณ ปัจจุบัน ได้ 70% จากจำนวนบ้านสร้างเสร็จทั้งโครงการ (พระราม 9) 20 ยูนิต ส่วนบางนา ยอดขาย ณ ปัจจุบัน 60% จากเฟสที่เปิดขายจำนวน 25 ยูนิต ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีให้กับดีเวลอปเปอร์ที่มีสินค้าพร้อมขายอยู่ในมือได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้น
ลุ้นภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ดึงจีน
นายสงกรานต์ ประเมินว่า ทั้งหมดภาพรวมของอสังหาฯ จะเห็นภาพการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ภายใต้สมมุติฐานแผนกระจายวัคซีน เริ่มฉีดให้กับประชาชนทั่วไปได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไม่สะดุด ซึ่งสถานการณ์จะพลิกอัพขึ้น อย่างต่ำเดือนสิงหาคม จากความเสียหายที่ค่อยๆถูกบรรเทา สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น หัวหิน มักได้รับความนิยมในทุกๆครั้งที่รัฐผ่อนคลายมาตรการ ส่วนภูเก็ต ขณะนั้นประเมินว่า จำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนน่าจะได้เกิน 80% ของคนในเกาะ หลังจากปลายเดือนมีนาคม ทยอยฉีดแล้วราว 40% ก่อนชะงักจากการขาดแคลนวัคซีน
เพราะฉะนั้น ภูเก็ตจะสะอาด มีความเสี่ยงต่ำ ส่วนคนที่จะเข้ามา ต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีน และทำการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นก่อนเดินทางเข้ามาได้ ส่วนที่เป็นความหวังสูงสุด คือ การกลับเข้ามาของคนต่างชาติ ผ่านนโยบาย “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” แผนเปิดรับนักท่องเที่ยวบางพื้นที่ สำหรับกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จากประเทศต้นทางความเสี่ยงต่ำ เริ่มเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการลุ้นว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ส่วนระยะถัดไป เป็นจังหวัดพังงา
“ถ้านโยบายนี้สำเร็จ ต่างชาติเข้ามา และไม่มีปัญหา ปลายปี คาดจะมีความคึกคักในตลาดโรงแรม โดยเฉพาะจากดีมานด์ชาวจีน ที่อาจช่วยผลักดันอัตราเข้าพักได้ถึง 50-60% เชื่อว่า หากนโยบายจีนหนุนการเดินทาง หลังเดือนกันยายน จะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวฟื้นตัว”
หนุนต่างชาติซื้ออสังหาฯ
สำหรับแผนธุรกิจนั้น นอกจากมีแผนเปิดโครงการ Wellness Serviced Condo ภายในอาณาจักรทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน เช่น บริการตรวจสุขภาพประจำปี, บริการสปาบำบัด, ห้องพยาบาลส่วนกลาง เพื่อรองรับการช่วยเหลือเบื้องต้น สำหรับลูกบ้าน-ลูกค้าโรงแรม และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในทำเล ลาดกระบังอีก 1 แห่งแล้ว บริษัทจะกลับมาโฟกัสการพัฒนาโครงการบ้านพรีเมียมมากขึ้น จากที่ดินที่มีอยู่ และซื้อใหม่ จับกลุ่มลูกค้า A หรือ B ขึ้นไป ทั้งในกรุงเทพ และเมืองท่องเที่ยว
ซึ่งจากบริการเสริมที่รองรับ พ่วงการขายสามารถจับกลุ่มลูกค้าได้ตั้งแต่กลุ่มผู้สูงอายุ และหนุ่มสาววัยกลางคนในประเทศแล้ว น่าจะได้รับการตอบรับสูงจากคนต่างชาติ จึงสนับสนุนให้รัฐบาล แก้กฎหมาย เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาซื้อบ้านกลุ่มราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไปได้ หรือ ยืดระยะเวลาสิทธิ์สัญญาเช่า ให้เป็น 50-60ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มคนต่างชาติ โดยถือเป็นอีกโอกาสสำคัญที่จะช่วยดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็วต่อไป
“เป็นนโยบายที่เราเสนอมาทุกรัฐบาล เพราะวันนี้กำลังซื้อคนไทยเหลือน้อยมากโควิดทำให้ตลาดระดับกลางลงไปถดถอย วันนี้เราต้องการกำลังซื้อข้างนอกมาช่วยพยุง ฉะนั้น การให้สิทธิ์เช่าได้อยู่ยาวขึ้น, ให้สิทธิ์ซื้อบ้าน สำหรับชาวต่างชาติ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่หากเมื่อไหร่เป็นกังวล หรือ เล็งเห็นว่ามากเกินจำเป็น ก็สามารถสร้างกำแพงทางภาษีมาสกัดกั้นภายหลังได้ แต่ขณะนี้ เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรพิจารณาก่อน”
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,682 วันที่ 27 - 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง