เปิดผนึก 3 สมาคมอสังหาฯ จี้รัฐ 15 วัน ขอผ่อนปรนมาตรการ ล็อกดาวน์ 'แคมป์ก่อสร้าง'

30 มิ.ย. 2564 | 11:17 น.

เปิดผนึก 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ จี้รัฐ 15 วัน ขอผ่อนปรนมาตรการ เปิดโอกาสให้ธุรกิจเดินหน้าได้ หลังโดนสั่งปิดแคมป์ หยุดก่อสร้าง นาน1 เดือน

มาตรการการจัดการแคมป์แรงงานก่อสร้างในสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ที่ตึงเครียด หลัง ศบค. ออกคำสั่ง สกัดการเคลื่อนย้านแรงงาน หยุดไซต์ก่อสร้างโครงการบ้าน - คอนโดฯ พื้นที่สีแดง กทม. และ ปริมณฑล 1 เดือนเต็ม นับตั้งแต่ 28 มิถุนายน 2564  ภายใต้คาดการณ์ ความเสียหายมหาศาล ซึ่งนับเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2564 นั้น 

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์  นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่า ขณะนี้ ฐานะตัวแทนผู้ประกอบการ ได้จัดทำร่างหนังสือ เพื่อเตรียมเสนอ แนวทางแก้ไขปัญหา และ ข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล เพื่อขอให้ผ่อนปรน และเปิดช่อง กิจกรรมบางอย่าง ในงานก่อสร้างบางประเภท หลังจากประเมินสถานการณ์ตรงหน้า และมีความเห็นว่า หากรัฐบาล จะใช้เกณฑ์จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ภายใต้อัตราผู้ป่วยใหม่สูง  4-5 พันรายต่อวัน มาเป็นหลัก พิจารณาการ เปิด-ปิด แคมป์และงานก่อสร้างนั้น ระยะเวลา 1 เดือน ที่กำหนดไว้เบื้องต้น คงมีความเสี่ยงต้องถูกยืดออกไปอย่างแน่นอน 

เพราะขณะนี้ แม้จะมีการตรวจเชิงรุก และฉีดวัคซีนป้องกัน แต่ต้องยอมรับว่า กระบวนการของรัฐ ยังมีปัญหา อีกทั้งจำนวนไม่ครอบคลุม และเชื้อไวรัสโควิด19 กลายพันธุ์ไม่หยุด กลายเป็นคอขวด 'แก้ปัญหาไม่จบ' แต่เนื่องจากขณะนี้ การสั่งหยุดก่อสร้างอย่างกระทันหัน ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ ต่อแผนงาน และแผนการเงิน รวมมูลค่าความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ 

ฉะนั้น มีความเห็นว่า การปิดแคมป์ อาจไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง โดยเสนอให้รัฐ ใช้มาตรการควบคุมโรคแบบ “Bubble and Seal ขณะเอกชนเอง ได้มีการหารือกับกรมอนามัยเรียบร้อยแล้ว เพื่อวางมาตรการ แนวทางการปรับปรุงพื้นที่ภายในแคมป์คนงาน เพื่อควบคุมและเฝ้าระวังสูงสุดควบคู่กัน จะนำเรียน ศบค.ให้เกิดความมั่นใจ และเปิดโอกาสให้กลับมาก่อสร้างได้เร็วที่สุด เช่น การออกแบบพื้นที่อาศัยเว้นระยะห่าง , ติดตั้งจุดฝักบัว แก้จุดบอดจากการอาบน้ำในถังพักน้ำรวม เสี่ยงปะปนเชื้อไวรัส และแก้จุดน้ำขังต่างๆ , การนำแรงงาน เข้าสู่ระบบคัดกรองโรคอย่างละเอียด เพื่อแยกผู้ป่วยหนักออกมา ส่วนผู้ป่วยไม่แสดงอาการ ต้องเช็คลิสต์อาการรายวัน  

อีกทั้งผู้รับเหมา ต้องออกมาตรการห้าม มั่วสุม ตั้งวง หลังเลิกงานอย่างที่เคยเป็น เป็นแนวทางที่เอกชนจะร่วมมือกันให้ได้ ที่สำคัญเป็นหน้าที่ของรัฐ ต้องเข้าไปให้ความรู้เชิงสุขอนามัย 4 ภาษา (เมียนมาร์ ,ลาว ,กัมพูชา และอังกฤษ) เนื่องจากที่ผ่านมา แรงงานเหล่านี้ เข้าไม่ถึงข้อมูล และไม่เข้าใจความน่ากลัวของโรค 
 

ด้าน นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์  นายกสมาคมอาคารชุดไทย เรียกร้อง 2 ข้อใหญ่ โดยระบุว่า การแก้ไขปัญหา ครั้งนี้รัฐ มุ่งมาที่แรงงานก่อสร้าง ' เป็นต้นเหตุการแพร่เชื้อ'  ฉะนั้น สิ่งที่รัฐต้องดำเนินการทันที คือ  1.เข้ามาตรวจคัดกรอง เพื่อแยกผู้ป่วยออกไป คล้ายคัดปลาเน่า ออกจากปลาดี  2.ขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนโควิดให้แรงงาน อย่างทั่วถึงและครอบคลุม เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และไม่ให้เป็นปัญหาภายหน้าต่อไป 

นอกจากนี้ ยังเสนอ ว่า มาตรการควบคุมที่แม้ประกาศไปแล้ว ก็ขอให้สามารถยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้ เพราะพบหลายแคมป์ก่อสร้างไม่มีผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว ทั้งๆที่มีคนงานร่วม 100-600 คน แต่ถูกเหมารวมทั้งระบบ เหตุนี้ หากรัฐอ้างว่า ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ และสั่งปิดต่อเนื่อง ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง อาจกระทบถึงขั้นธุรกิจล้ม เนื่องจากมีต้นทุนก่อสร้าง - ดอกเบี้ย ต้องดูแล ขณะที่การส่งมอบหน่วยขายอาจล่าช้า เสี่ยงฟ้องร้อง กระทบภาพลักษณ์ และจะกระทบต่อรายได้บริษัทนั้นๆ 

ขณะนายวสันต์  เคียงศิริ  นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า จากนโยบายที่ออกมา หากสอบถามผู้ใกล้ชิดอย่างผู้ประกอบการ คือ การปิดตายแบบเบ็ดเสร็จ ทุกระดับ ทุกขนาดของไซต์ก่อสร้าง  แม้ส่วนใหญ่ในโครงการแนวราบ แรงงาน 5-10 คน ไม่พบติดเชื้อ ก็ถูกบังคับหยุดงานจากคำสั่งดังกล่าวนั้น อยากเสนอแนะให้รัฐ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเป็นหลัก  ลดความเสียหายของอุตสาหกรรม และไม่ต้องเสียงบประมาณภาษี เพื่อมาชดเชยแรงงานบางส่วนที่ไม่มีปัญหา

โดยเบื้องต้น อย่างต่ำ ขอให้รัฐเร่ง ทบทวนมาตรการภายใน 15 วัน สำหรับแคมป์ก่อสร้างที่ไม่มีปัญหา และไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ติดต่อกัน เพื่อให้ดำเนินกิจกรรมก่อสร้างต่อได้  เนื่องจากขณะนี้ นอกจากกระทบส่วนงานก่อสร้างบ้านแล้ว ในส่วนที่ลูกค้าจะตรวจรับบ้าน ก็ไม่สามารถทำได้  ประเมินต้นทุนที่ต้องจ่ายเสียเพิ่ม ทั้งการเช่าอุปกรณ์ เงินเดือน วิศวกร โฟร์แมน อื่นๆ ไม่ต่ำว่าเดือน 1.2 หมื่นล้านบาท อยากเรียกร้องให้รีบปรับเพื่อลดผลกระทบ 

" เห็นควรให้ใช้มาตรการ Bubble and Seal เป็นหลัก ดูแลการย้ายเคลื่อนแรงงาน ควบคุมไม่ให้ออกมาข้างนอก โดยไม่ต้องหยุดกิจกรรมการก่อสร้าง เพื่อเปฺิดโอกาสให้เดินหน้าธุรกิจได้ กรณีแคมป์กับไซต์ก่อสร้างอยู่คนละที่ มีความจำเป็นต้องเดินทาง แต่ควบคุมได้ ทั้งการตรวจเชิงรุก และคัดกรองผู้ป่วยออกมา ตามหลักของกรมอนามัย และควบคุมการเส้นทาง รถประจำ ปิดที่ต้นเหตุเป็นหลัก โดยไม่กระทบต่อไซต์อื่นๆ ขอให้ทบทวนเร็วสุดภายใน 15 วัน " 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,692 วันที่ 1-3 กรกฎาคม  พ.ศ. 2564

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง